บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบประมาณ 2.3% ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการตัดสินใจเรื่อง *อัตราดอกเบี้ย* ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะมีขึ้นในวันพุธนี้อย่างใกล้ชิด แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่า *การปรับลดดอกเบี้ย* จะส่งผลอย่างไรต่อราคาบิตคอยน์ แต่ในตลาดก็เริ่มมองเห็น *สามปัจจัยสำคัญ* ที่อาจหนุนให้ราคาพุ่งขึ้นได้
ปัจจัยแรกคือ *แรงขายระยะสั้นที่เริ่มอ่อนตัวลง* ข้อมูลตลอดเดือนกันยายนที่ผ่านมาพบว่ามีการถอนบิตคอยน์ออกจากแพลตฟอร์มซื้อขายรวมกว่า 44,000BTC ซึ่งหมายถึงจำนวนเหรียญที่พร้อมขายในตลาดลดน้อยลง เป็นสัญญาณว่าแรงกดดันจากฝั่งขายในระยะสั้นอาจผ่อนคลายลง
ประการที่สองคือ *เงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอตในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง* โดยตลอดเดือนที่ผ่านมา กองทุนเหล่านี้ดึงดูดเงินลงทุนรวม 2.2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 75,000 ล้านบาท) ตัวเลขนี้สูงกว่าปริมาณบิตคอยน์ที่ขุดใหม่ได้ในช่วงเวลาเดียวกันชนิดขาดลอย สะท้อนถึงภาวะอุปทานที่ตึงตัว ซึ่งถือเป็นแรงหนุนด้านราคาอีกประการหนึ่ง
แม้ตัวแปรสำคัญอย่างการตัดสินใจของ Fed ยังไม่เกิดขึ้น แต่ปัจจัยเรื่อง *อุปสงค์-อุปทานที่ไม่สมดุลในตลาด* เริ่มสร้างความเชื่อมั่นบางส่วนในกลุ่มนักลงทุนว่าบิตคอยน์อาจกำลังเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น
ขณะเดียวกัน *ความเสี่ยงทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีทรัมป์* ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาวิเคราะห์ ว่าอาจส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน ในสถานการณ์ที่เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง บิตคอยน์อาจถูกมองว่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดั้งเดิม
ความคิดเห็น 0