บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านฟินเทครายสำคัญทั่วโลกเริ่มหันมาพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนของตนเอง ส่งผลให้การยอมรับ *คริปโตเคอร์เรนซีจากนักลงทุนสถาบัน* เข้าสู่ช่วงใหม่อย่างมีนัยสำคัญ แม้แต่บริษัทการเงินกระแสหลักที่มักมีท่าทีอนุรักษนิยม ก็เริ่มหันมาแสดงท่าทีเปิดรับและเตรียมลงสนามในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง
เมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น *โรบินฮูด(Robinhood)* แพลตฟอร์มการลงทุนชื่อดังจากสหรัฐฯ เปิดเผยว่า บริษัทกำลังพัฒนา *เลเยอร์ 2 บล็อกเชน* สำหรับการซื้อขาย *หุ้นและสินทรัพย์จริงในรูปแบบโทเคน* โดยมุ่งเป้าขยายตลาดในยุโรปอย่างเป็นทางการ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการทดลอง แต่ถือเป็นการวางกลยุทธ์ใหม่ที่นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาเป็นหัวใจบริการทางการเงินของบริษัทอย่างแท้จริง
ถัดจากนั้น *สไตรป์(Stripe)* บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านระบบชำระเงินทั่วโลก ก็ได้เข้าสู่แวดวงนี้เช่นกัน โดยร่วมกับบริษัทลงทุน *พาราไดม์(Paradigm)* ในการเปิดตัวแผนพัฒนา *บล็อกเชนอเนกประสงค์ด้านการชำระเงิน* ภายใต้ชื่อว่า "เทมโป(Tempo)" เป็นสัญญาณชัดเจนว่าบริษัทฟินเทคชั้นนำมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีนี้
แอนนาเบล หวัง(Annabelle Huang) ผู้ร่วมก่อตั้ง *อัลทีอุส แลบส์(Altius Labs)* บริษัทสตาร์ทอัพอินฟราสตรัคเจอร์คริปโต ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่า “การเคลื่อนไหวของโรบินฮูดและสไตรป์นี้ *อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของคลื่นลูกใหม่จากฟินเทคทั่วโลก*” พร้อมเสริมว่า “บริษัทฟินเทคจากเอเชีย ละตินอเมริกา และตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ที่ศึกษาเทคโนโลยีนี้มาหลายปี กำลังเริ่มเผยแผนดำเนินการกันจริงจังมากขึ้น”
การปรับกลยุทธ์ของฟินเทครายใหญ่เหล่านี้บ่งชี้ว่า อุตสาหกรรม *สินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้อยู่ชายขอบของเทคโนโลยีอีกต่อไป* แต่กำลังกลายเป็น “*โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยุคใหม่*” อย่างแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อบล็อกเชนค่อยๆ ผสานเข้ากับระบบการเงินและการชำระเงินแบบดั้งเดิม ทำให้คริปโตเคอร์เรนซีมีบทบาทไม่เพียงแค่ออฟชันการลงทุน แต่ยังกลายเป็นแกนสำคัญที่จะเร่งนวัตกรรมทั่วตลาดทุนโลกในอนาคต ความคิดเห็น: แนวโน้มนี้อาจสร้างแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ให้กับหน่วยงานกำกับดูแลที่ต้องปรับตัวเร็วขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น 0