ก่อนการตัดสินใจเรื่อง ‘อัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน’ ของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ความตึงเครียดในตลาด *บิตคอยน์(BTC)* กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวชี้วัดหนึ่งของตลาดอนุพันธ์อย่างเดลตาสกิว (Delta Skew) ปรับตัวเกิน 7% ซึ่งเป็นระดับบ่งชี้ความเป็นกลาง นั่นสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้เปลี่ยนเป็น ‘ความกังวล’ อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและประเด็นเรื่องการควบคุมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) ยิ่งทำให้สถานการณ์ไม่แน่นอน หลายฝ่ายเริ่มมองว่า *บิตคอยน์อาจเผชิญภาวะพักฐานในระยะสั้น*
เมื่อวันที่ 12 (เวลาท้องถิ่น) ราคาบิตคอยน์แตะระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 84,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.17 ล้านบาท แต่ไม่สามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้นได้ โดยถูกกดดันจากแรงขายทำกำไร การคาดการณ์ตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่า Fed น่าจะ ‘คงอัตราดอกเบี้ย’ หรือ ‘ปรับลดเพียงครั้งเดียวภายในปีนี้’ ซึ่งหมายความว่า *ความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยได้ถูกสะท้อนสู่ตลาดไปล่วงหน้าแล้ว* พร้อมกันนั้น สื่อของสหรัฐรายงานว่า รัฐบาลอาจออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างเอ็นวีเดีย(NVDA) ทำให้นักลงทุนเข้ามาถือครองสินทรัพย์เสี่ยงน้อยมากขึ้น ในวันเดียวกัน หุ้นของเอ็นวีเดียปรับตัวลดลง 2.6%
ในฝั่งของนักลงทุนรายใหญ่ ความเห็นก็ยังแตกต่างกัน บางส่วนยังคงถือสถานะ *Long Position* ซื้อมากกว่าขาย ในขณะที่ข้อมูลจากกองทุน ETF บิตคอยน์แบบ Spot ภายในวันดังกล่าวก็พบมีเงินไหลเข้าสูงถึง 292 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,058 ล้านบาท ซึ่งเป็น ‘สัญญาณเชิงบวก’ และอาจสะท้อนถึงมุมมองในเชิง ‘ระยะกลางถึงระยะยาว’ ที่ยังคงเป็นบวก *ความคิดเห็น* อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสถานะเพื่อป้องกันความเสี่ยงในบางกลุ่ม อาจเป็นการเตรียมรับมือกับ *ความเป็นไปได้ที่บิตคอยน์จะปรับลงมาที่ระดับต้นๆ ของโซน 80,000 ดอลลาร์*
สถานการณ์ในตอนนี้จึงยังไม่ชัดเจนว่าสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดมากนัก นักลงทุนโดยทั่วไปยังอยู่ในโหมด ‘รอดูท่าที’ โดยรายงานเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า รวมถึง ‘Dot Plot’ หรือแผนภาพคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยจาก Fed จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ชี้ทิศทางในระยะสั้น ขณะเดียวกัน นักลงทุนกลับให้ความสนใจกับ *แนวโน้มท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐต่อทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต* มากกว่าการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในทันที
ความคิดเห็น 0