ตลาดคริปโตสหรัฐเตรียมขยายตัวอีกขั้น เมื่อซีเอ็มอีกรุ๊ป(CME) ตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมเปิดตัว ‘ออปชั่นฟิวเจอร์ส’ สำหรับโซลานา(SOL) และริปเปิล(XRP) อย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ตุลาคม ตอกย้ำเทรนด์การลงทุนใน ‘อัลท์คอยน์’ ที่กำลังเติบโตต่อเนื่อง นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเสริมความหลากหลายของผลิตภัณฑ์คริปโตสำหรับนักลงทุนสถาบันและผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด
ตามรายงานของ CME การตัดสินใจในครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจาก ‘ความต้องการในอัลท์คอยน์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ’ โดยเฉพาะหลังจากที่โซลานาและริปเปิลเวอร์ชันฟิวเจอร์ส ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ สร้าง ‘สถิติใหม่’ ทั้งในด้านปริมาณการซื้อขายและความสนใจจากตลาด โดยสัญญาออปชั่นที่จะเปิดตัวจะมีให้เลือกในรูปแบบ ‘มาตรฐาน’ และ ‘ไมโคร’ พร้อมวันหมดอายุทั้งแบบรายวัน รายเดือน และรายไตรมาส แต่ยังต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อนเริ่มดำเนินการจริงได้
โฆวานนี วิเชียโซ(Giovanni Vicioso) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์คริปโตของ CME ให้ความเห็นว่า การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้สะท้อนถึง ‘การเติบโตอย่างมากของตลาดฟิวเจอร์สคริปโต’ และ ‘การเพิ่มขึ้นของสภาพคล่อง’ โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนกลุ่มกว้างตั้งแต่สถาบันไปจนถึงนักลงทุนรายย่อยที่มีความเชี่ยวชาญ
ข้อมูลเชิงตัวเลขยืนยันแนวโน้มดังกล่าวอย่างชัดเจน โซลานาฟิวเจอร์สที่เปิดตัวในเดือนมีนาคมมีการซื้อขายสะสมกว่า 540,000 สัญญา คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 22.3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 31 ล้านล้านวอน โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคม มีอัตราเฉลี่ยการซื้อขายต่อวันสูงถึง 9,000 สัญญา ส่วนฟิวเจอร์สริปเปิลที่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม ก็ทยานขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายไปแล้วมากกว่า 370,000 สัญญา รวมมูลค่า 16.2 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 22.5 ล้านล้านวอน และมียอดเปิดสถานะคงค้าง (Open Interest) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนสิงหาคมที่ 942 ล้านดอลลาร์
CME เคยจุดกระแสตลาดอนุพันธ์คริปโตในสหรัฐเป็นครั้งแรกในปี 2017 ด้วยการเปิดตัวฟิวเจอร์สบิตคอยน์(BTC) ใต้การดูแลของคณะกรรมการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) หลังจากนั้น ในปี 2021 ได้เพิ่มอีเธอเรียม(ETH) และสัญญาไมโครฟิวเจอร์สเข้าในพอร์ต แต่ยังคงจำกัดเฉพาะสกุลเงินหลักเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมด้านกฎหมายเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยมีความเคลื่อนไหวสนับสนุนคริปโตจากหลากหลายฝั่ง ทั้งร่างกฎหมาย GENIUS ที่ช่วยชี้แจงข้อกฎหมายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ไปจนถึงท่าทีของทำเนียบขาวที่มีแนวโน้มเป็น ‘มิตรกับคริปโต’ *ความคิดเห็น: นโยบายประธานาธิบดีทรัมป์เองก็มีอิทธิพลในทิศทางสนับสนุนคริปโตนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น* ถือเป็นแรงสนับสนุนให้ CME และตลาดอื่นๆ เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
การออกออปชั่นอัลท์คอยน์ของ CME จึงอาจเป็น ‘สัญญาณเริ่มต้น’ ของการขยายตลาดอนุพันธ์คริปโตสู่สินทรัพย์กลุ่มรอง และเป็นการส่งเสริมให้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ระบบการเงินดั้งเดิมมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าในอนาคตอาจได้เห็นโปรเจกต์อื่นๆ ทยอยเข้าสู่ตลาดอนุพันธ์ตามมาอีกเป็นจำนวนมาก
ความคิดเห็น 0