นูแบงก์(Nubank) เปิดทางใช้สเตเบิลคอยน์จ่ายผ่านบัตรเครดิต หวังปฏิวัติการเงินละตินอเมริกา

นูแบงก์(Nubank) ธนาคารดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา เตรียมเปิดใช้งาน *การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์* ผ่าน *ระบบบัตรเครดิต* ของบริษัท โดยแนวคิดนี้ถูกเปิดเผยโดย โรแบร์โต กัมโปส เนโต(Roberto Campos Neto) รองประธานนูแบงก์ และอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางบราซิล ในเวที ‘Meridian 2025’

กัมโปส เนโต กล่าวในการบรรยายว่า “ปัจจุบันผู้คนมักซื้อสเตเบิลคอยน์เพื่อนำไปเก็บมูลค่า มากกว่าจะใช้ในการใช้จ่ายจริง” พร้อมย้ำว่าควรทำความเข้าใจและวิเคราะห์ถึงสาเหตุของพฤติกรรมนี้ นอกจากนี้ เขายังระบุว่า *ภารกิจสำคัญของธนาคาร* คือการเชื่อมโยงสินทรัพย์บนบล็อกเชนเข้ากับระบบการเงินดั้งเดิม โดยการรองรับสินทรัพย์เหล่านี้ในรูปแบบเงินฝาก และนำไปใช้ในการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้า

นูแบงก์เป็นบริษัทฟินเทคที่ก่อตั้งในปี 2013 ที่นครเซาเปาลู ประเทศบราซิล ให้บริการในบราซิล เม็กซิโก และโคลอมเบีย โดยมีฐานลูกค้ามากกว่า 100 ล้านคน ในปี 2022 บริษัทได้ลงทุน *1% ของสินทรัพย์รวมในบิตคอยน์(BTC)* ถือเป็นการบุกตลาดคริปโตอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเปิดบริการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีแก่ลูกค้า และยังเดินหน้าขยาย *พอร์ตโฟลิโอคริปโต* อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา ได้เพิ่มเหรียญเอด้า(ADA), คอสมอส(ATOM), เนียร์โปรโตคอล(NEAR) และ อัลโกแรนด์(ALGO) เข้าสู่ระบบ

แผนการนี้ยังสอดคล้องกับกระแส *ความต้องการใช้สเตเบิลคอยน์ที่พุ่งสูงในละตินอเมริกา* โดยเฉพาะในบราซิลและอาร์เจนตินา จากข้อมูลของธนาคารกลางบราซิล พบว่ามากกว่าครึ่งของกิจกรรมคริปโตในประเทศมุ่งเน้นที่การซื้อขายสเตเบิลคอยน์ ขณะที่ในอาร์เจนตินา ซึ่งมีอัตราเงินเฟ้อพุ่งเกิน 100% ต่อปี สินทรัพย์ดิจิทัลที่ผูกกับดอลลาร์กลายเป็นเครื่องมือเก็บรักษามูลค่าสำหรับประชาชน

รายงานจากบิทโซ(Bitso) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต เมื่อมีนาคม 2025 ระบุว่า ในปี 2024 *ครึ่งหนึ่งของการซื้อคริปโตในอาร์เจนตินา* ดำเนินการผ่าน USDt(USDT) ขณะที่ 22% ใช้ USDC(USDC) และทั่วทั้งภูมิภาคละตินอเมริกา การใช้งานสเตเบิลคอยน์คิดเป็น 39% ของธุรกรรมคริปโตทั้งหมด

ท่ามกลางแนวโน้มที่ *สเตเบิลคอยน์ถูกใช้งานในชีวิตจริงมากขึ้น* แผนของนูแบงก์ถูกมองว่าเป็นการทลายเส้นแบ่งระหว่างการเงินแบบดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล และอาจมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฉมระบบการเงินของภูมิภาคละตินอเมริกาในอนาคต *ความคิดเห็น* หากโครงการนำร่องนี้ประสบความสำเร็จ อุตสาหกรรมธนาคารดิจิทัลอาจเข้าสู่ยุคใหม่ที่การใช้คริปโตเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน