ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าจีนอาจเปลี่ยนแปลงท่าทีต่ออุตสาหกรรมคริปโต กลับกลายเป็นว่าความหวังเหล่านั้นดูจะเกิดขึ้นเร็วเกินไป ล่าสุดรัฐบาลปักกิ่งได้มีคำสั่งให้บริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่ลดการเปิดเผยสินทรัพย์และชะลอกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเพื่อควบคุมความร้อนแรงที่เกิดจากฮ่องกง ข้อตัดสินใจครั้งนี้ย้ำชัดว่าจีนยังคง ‘ไม่เปลี่ยนใจ’ ต่อแนวทางเข้มงวดเดิมที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัล
เมื่อช่วงต้นปี 2025 ฮ่องกงได้เปิดตัวระบบใบอนุญาตใหม่ ซึ่งอนุญาตให้มีการทดลองเกี่ยวกับคริปโตและ *สเตเบิลคอยน์* ส่งผลให้โครงการจากทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีและการเงินจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่รีบจับมือกับโปรเจกต์ในฮ่องกง เพื่อร่วมมือหรือสนับสนุนโครงการดังกล่าว อย่างไรก็ดี ฝ่ายกำกับดูแลของจีนกลับเห็นว่าการเคลื่อนไหวนี้อาจกลายเป็นช่องว่างให้ฝ่าฝืนกฎของจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้มีคำสั่งให้บริษัทเร่งถอนเงินทุนออกและลดขนาดลงทันที
หนึ่งในประเด็นที่สร้างความกังวลต่อทางการจีนคือพฤติกรรมของ *บริษัทจีนที่ใช้ฮ่องกงเป็นทางผ่านเพื่อเข้าถึงบิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH)* และสินทรัพย์ดิจิทัลของต่างประเทศ รัฐบาลจึงสั่งให้มีการทบทวนธุรกิจอย่างครบถ้วน โดยไม่เว้นแม้แต่การสั่งยุติการซื้อขายคริปโต ในขณะเดียวกัน ธนาคารของรัฐก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับ *สเตเบิลคอยน์ในฮ่องกง* อย่างเด็ดขาด
จีนเริ่มต้นแนวทางเข้มงวดต่อคริปโตครั้งแรกเมื่อปี 2013 ผ่านการประกาศเตือนจากธนาคารกลางเกี่ยวกับ *บิตคอยน์* หลังจากนั้นจึงมีมาตรการผ่อนเป็นลำดับ เช่น แบน ICO และปิดตลาดซื้อขายคริปโตในปี 2017 จนกระทั่งปี 2021 ก็ถึงจุดเปลี่ยนที่รัฐสั่งปิดกิจการเหมืองขุดคริปโตทั่วประเทศ ยิ่งตอกย้ำว่าไม่ยอมให้คริปโตเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจภายใน
*ความคิดเห็น:* ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองการตัดสินใจล่าสุดว่าเป็นการตอกย้ำแนวทางเดิมของรัฐบาลจีน ซึ่งยังคง ‘รักษาระยะห่าง’ จากคริปโตอย่างเข้มงวด พื้นที่อย่างฮ่องกงจึงอาจเป็นเพียง ‘ห้องทดลองจำกัด’ แทนที่จะเป็นสัญญาณชี้นำว่านโยบายของจีนจะเปลี่ยนไปในระดับประเทศ
แนวทางนี้สะท้อนว่าจีนยังไม่พร้อมจะคลายกฎหรือก้าวเข้าสู่โลกคริปโตในเร็วๆ นี้ แม้ว่า *ฮ่องกงจะกลายเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล* แต่ด้วยข้อจำกัดในการควบคุมจากรัฐบาลกลาง ความคาดหวังของตลาดโลกจึงอาจต้องลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น 0