คาร์ดาโน(ADA) ร่วงต่อเนื่องหลังเกิด 'Death Cross' ด้านนักพัฒนาเร่งอัปเกรดเพิ่มศักยภาพเครือข่าย

ท่ามกลางการปรับฐานของตลาดคริปโตโดยรวม ‘คาร์ดาโน(ADA)’ เผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่องหลังจากเกิดสัญญาณ ‘Death Cross’ บนกราฟแท่งเทียน 4 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้แนวโน้มขาลง โดยเกิดขึ้นเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยิ่งทำให้บรรยากาศของนักลงทุนตึงเครียดมากขึ้น

ข้อมูลจาก CoinGlass เผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการบังคับขายสถานะรวมกว่า 855 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.19 ล้านล้านวอน) ในตลาดคริปโต โดยกว่า 721.5 ล้านดอลลาร์เป็นสถานะซื้อ(Long) และ 133.2 ล้านดอลลาร์เป็นสถานะขาย(Short) ซึ่งสะท้อนว่าการปรับฐานนี้ไม่ได้กระทบแค่คาร์ดาโนเท่านั้น ความเคลื่อนไหวขนาดใหญ่เช่นนี้ เป็นสัญญาณว่าตลาดยังคงเผชิญแรงสั่นคลอนสูง

คาร์ดาโนเริ่มต้นแนวโน้มขาลงหลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 0.937 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 19 กันยายน โดยในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ราคาร่วงจาก 0.888 ดอลลาร์ลงไปถึง 0.788 ดอลลาร์ และลดลงต่อแตะจุดต่ำสุดที่ 0.754 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี แนวต้านที่น่าจับตาระยะสั้นคือบริเวณ 0.86 ดอลลาร์ และ 0.94 ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับสำคัญอยู่แถว 0.735 ดอลลาร์

แม้จะอยู่ในภาวะกดดันด้านราคา แต่ฝั่งพัฒนาโครงการก็ยังคงเดินหน้า ล่าสุดบริษัทผู้พัฒนาอย่าง อินพุตเอาต์พุต(Input Output) กำลังผลักดันการอัปเกรด ‘โอโรโบรอส ไลออส(Ouroboros Leios)’ ที่มุ่งเสริมขีดความสามารถด้าน ‘การขยายตัว (Scalability)’ โดยจะทำการออกแบบกลไกฉันทามติ (Consensus) ใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มปริมาณการประมวลผลให้ได้มากขึ้นถึง 30-55 เท่า โดยคาดว่าจะเปิดตัวเฟสแรก ‘ไลออส ไลต์(Leios Lite)’ ในเร็วๆ นี้

การอัปเกรดใหญ่ลำดับต่อไป ‘โอโรโบรอส โอเมกา(Ouroboros Omega)’ จะเน้นเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความสามารถในการขยายระบบอย่างแท้จริง แชลส์ ฮอสกินสัน(Charles Hoskinson) ผู้ก่อตั้งคาร์ดาโน เผยว่า “โอเมกาจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สามารถแก้โจทย์การสเกลในระดับโครงสร้าง” พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมการทำงานร่วมกันผ่านพาร์ตเนอร์เชนและบล็อกเชนมิดไนต์

ขณะเดียวกัน ตลาดกำลังจับตามองดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล(PCE Index) ประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อหลักตามการประเมินของธนาคารกลางสหรัฐ โดยตัวเลขล่าสุดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นเพียง 2.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนความหวังว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยในอนาคต ความคาดหวังนี้ถือเป็นแรงหนุนต่อ ‘จิตวิทยาการลงทุนในคริปโต’ ในระยะกลาง อย่างไรก็ตาม หากสัญญาณด้านเทคนิคยังคงแสดงความอ่อนแอ ความผันผวนระยะสั้นก็ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย