ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม บัญชีทางการของบีเอ็นบีเชน(BNB Chain) หรือที่รู้จักกันในชื่อไบแนนซ์สมาร์ตเชน ได้ถูกแฮกและถูกนำไปใช้เผยแพร่ลิงก์ฟิชชิ่งผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) อย่างไรก็ตาม ความน่าประหลาดใจเกิดขึ้นเมื่อการแฮกครั้งนี้เอง กลับกลายเป็นชนวนให้เกิดเหรียญมีมใหม่ชื่อ ‘4’ ที่จุดกระแสและเรียกความสนใจจากตลาดได้อย่างล้นหลาม
จุดเริ่มต้นของเหรียญ ‘4’ มาจากจำนวนเงินที่ถูกโจรกรรมได้จริงเพียง 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 556,000 บาท) โดยชื่อของเหรียญนี้จึงตั้งแบบติดตลกตามจำนวนเงินดังกล่าว แม้จะเริ่มต้นแบบขำ ๆ แต่ ‘4’ กลับสร้างผลตอบแทนมหาศาลภายในวันเดียว โดยมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งพลิกเงินลงทุนเพียง 3,000 ดอลลาร์ (ราว 417,000 บาท) ให้กลายเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านดอลลาร์ (ราว 27.8 ล้านบาท) ได้สำเร็จ
ปัจจัยสำคัญที่ปลุกกระแสคือโพสต์ของ จ้าว ชางเผิง(CZ) อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งไบแนนซ์ ที่กล่าวถึงเหตุการณ์แฮกผ่านโซเชียลมีเดีย หลังโพสต์ของเขาถูกเผยแพร่ กระเป๋าบางรายได้รีบเข้าซื้อเหรียญ ‘4’ ก่อนที่กระแสจะมา ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าอย่างรวดเร็วและทำให้ราคาเหรียญพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง แม้ตัวเหรียญจะไม่มีแผนงานหรือเป้าหมายของโปรเจกต์ใด ๆ ก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการพุ่งขึ้นของ ‘4’ ไม่ได้สะท้อนพื้นฐานจริง แต่เป็น *ภาพลวงตาที่เกิดจากตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ* ผนวกกับแรงซื้อตามกระแส นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความไม่สมดุลในการเข้าถึงข้อมูล หลังมีการวิเคราะห์พบว่า บางกระเป๋าได้ทำการซื้อ ‘4’ ก่อนโพสต์ของ CZ อย่างน่าสงสัย ซึ่งอาจชี้ถึงการรับรู้ข้อมูลล่วงหน้า
เหรียญมีม ‘4’ กลายเป็นหลักฐานชี้ชัดว่า *ตลาดคริปโตยังคงอ่อนไหวต่ออารมณ์และเทรนด์* มากกว่าพื้นฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความจริงที่ว่านักลงทุนหลักในรอบนี้ไม่ใช่กลุ่มทุนใหญ่ แต่เป็นบุคคลทั่วไปที่ใช้ความไวและอารมณ์ขันเป็นอาวุธ ทำให้เกิดทั้งเสียงวิพากษ์และความตื่นเต้นในแวดวง นักลงทุนบางรายมองว่า การที่เหรียญที่ไม่มีแม้แต่ไวต์เปเปอร์กลับดึงดูดความสนใจและเงินทุนได้มากขนาดนี้ เป็นเรื่องที่น่ากังวล ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่า *มีมโทเคนยังคงมีเสน่ห์ในแบบของมันเอง*
ปรากฏการณ์ ‘4’ เตือนให้รู้ว่า ภาวะตลาดที่ขึ้นกับกระแสสามารถเกิดซ้ำได้ตลอดเวลา และเน้นย้ำว่าทักษะในการแยกแยะข้อมูลและการบริหารความเสี่ยงของนักลงทุนมีความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้
ความคิดเห็น 0