คราเคน(Kraken) หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ กำลังเร่งเครื่องเตรียมสู่การเสนอขายหุ้น IPO อย่างเต็มรูปแบบ หลังสำเร็จในการระดมทุนผ่านรอบส่วนตัวเป็นมูลค่าสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,950 ล้านบาท) ที่มูลค่ากิจการรวมกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 208,500 ล้านบาท) ซึ่งการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในแผนระยะกลางเพื่อเข้าจดทะเบียนภายในปี 2026 พร้อมดึงสายตาวงการสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาสู่ยักษ์ใหญ่รายนี้อีกครั้ง
การระดมทุนรอบดังกล่าว มีนักลงทุนสถาบันรายเดิม เช่น ไทรบ์ แคปิตอล และอาร์จุน เซธี(Arjun Sethi) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ ร่วมลงทุน ซึ่งทำให้เม็ดเงินลงทุนรวมของคราเคนแตะระดับ 527 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,320 ล้านบาท) ตามรายงานของ Fortune เมื่อวันที่ 24 ระบุว่า การระดมทุนครั้งนี้ไม่มีที่ปรึกษาภายนอก และดำเนินการภายในโดยตรง สะท้อนให้เห็นว่า ‘คราเคน’ มีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งต่อตำแหน่งในตลาดและวิสัยทัศน์ของบริษัท
นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2011 คราเคนได้พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนระดับมืออาชีพและสถาบัน โดยในไตรมาสที่ 2 คราเคนสามารถสร้างรายได้สูงถึง 411 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,715 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิหลังหัก EBITDA อยู่ที่ 80 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,112 ล้านบาท) ล่าสุดบริษัทยังเดินหน้ากลยุทธ์สร้างสะพานเชื่อมสู่ตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ด้วยการเข้าซื้อกิจการ ‘นินจาเทรดเดอร์’ (NinjaTrader) แพลตฟอร์มอนุพันธ์ ในมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 20,850 ล้านบาท) พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ xStocks ที่สามารถซื้อขาย ‘หุ้นแบบโทเคน’ อาทิ แอปเปิล(AAPL), เทสลา(TSLA) ซึ่งสะท้อนถึงการขยายสู่ธุรกิจใหม่อย่างเต็มรูปแบบ
แง่มุมด้านการเปลี่ยนผ่านสินทรัพย์การเงินมาสู่โครงสร้าง ‘บล็อกเชน’ ยังถูกตอกย้ำโดยอาร์จุน เซธี ที่ระบุว่าการโทเคนไนซ์ (Tokenization) ตั้งแต่สเตเบิลคอยน์ไปจนถึงหุ้น จะเกิดขึ้นเป็นเพียง ‘เรื่องของเวลา’ โดยคราเคนจะใช้ประโยชน์จากกระแสดังกล่าวในการเพิ่ม ‘การเข้าถึง’ การลงทุนได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น เขายังเผยว่า ความแข็งแกร่งของคราเคนอยู่ที่ ‘สภาพคล่องสูง’ และ ‘โครงสร้างพื้นฐานที่น่าเชื่อถือ’ ซึ่งทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่เน้นปริมาณการซื้อขาย
ในขณะเดียวกัน ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวมก็เริ่มตื่นตัวกับกระแส IPO อีกครั้ง บริษัทใหญ่อย่าง เซอร์เคิล (ผู้สร้าง USD Coin หรือ USDC), เจมินี และบูลลิช ต่างทยอยวางแผนเข้าตลาดในปีนี้ โดยเซอร์เคิลสร้างสถิติพุ่งขึ้นตั้งแต่วันแรกเปิดตลาด สะท้อนให้เห็นว่าภาวะชะลอตัวหลังภาวะฟองสบู่ในปี 2021 กำลังคลายตัวลงและตลาด IPO ของคริปโตเริ่ม “เปิดไฟเขียว” อีกครั้ง ความเคลื่อนไหวล่าสุดของคราเคนจึงอาจเป็นความพยายามคว้า ‘จังหวะที่เหมาะสมที่สุด’ ในรอบหลายปี
อย่างไรก็ตาม แผนไทม์ไลน์การจดทะเบียนในปี 2026 ที่ถือว่าค่อนข้างยาว ยังสร้างความกังวลในกลุ่มนักลงทุน ว่าอาจลดความน่าสนใจในระยะสั้นได้ บางรายชี้ว่าผู้เข้าตลาดรายใหม่ในวงการคริปโตนั้นยังไม่แข็งแรงพอจากพื้นฐานรายได้ รวมถึงประเด็นการประเมินมูลค่าบริษัทในตลาดหุ้นที่ “สูงเกินจริง” เช่น เซอร์เคิลที่เจอกับแรงกดดันด้านรายได้จากการลดอัตราดอกเบี้ย หรือเจมินีและบูลลิชที่มีส่วนแบ่งผู้ใช้งานน้อยกว่าคู่แข่งอย่างคราเคนหรือคอยน์เบส(Coinbase)
แม้จะเผชิญกับความท้าทาย แต่คราเคนยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจไปยังตลาดทั่วโลก รวมถึงประเทศในยุโรปนอกเหนือจากอังกฤษ และถูกมองว่ามีโครงสร้างการดำเนินงานที่กระจายตัวได้ดีกว่าคู่แข่งบางราย การระดมทุนที่สำเร็จในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การสนับสนุนการโตในระยะสั้น แต่เป็น ‘สัญญาณแห่งการก้าวกระโดดครั้งใหญ่' เพื่อสู่เป้าหมายการจดทะเบียนในตลาดหุ้นระดับโลกในอีก 2 ปีข้างหน้าอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0