คาซัคสถานจับมือไบแนนซ์เปิดตัวกองทุนคริปโต 'Alem Crypto Fund' เลือก BNB เป็นสินทรัพย์เริ่มต้น

รัฐบาลคาซัคสถานจับมือกับไบแนนซ์ เปิดตัวกองทุนลงทุนคริปโตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ "อะเล็ม คริปโต ฟัน(Alem Crypto Fund)" โดยมีการเลือกใช้เหรียญไบแนนซ์(BNB) เป็นสินทรัพย์เริ่มต้น ซึ่งสะท้อนความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกอย่างไบแนนซ์

กองทุนนี้ก่อตั้งโดยกระทรวงพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ของคาซัคสถาน และบริหารโดยกลุ่มร่วมลงทุนคาซัคสถาน (Kazakhstan Venture Group) ซึ่งอยู่ภายใต้ศูนย์การเงินระหว่างประเทศอัสตานา(AIFC) ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยขนาดเงินลงทุนหรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่อาจถูกเพิ่มในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเลือก BNB เป็นสินทรัพย์แรก สะท้อนถึงความไว้วางใจในระบบนิเวศของไบแนนซ์

รัฐบาลคาซัคสถานระบุว่า “เป้าหมายของกองทุนคือการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ดิจิทัล และการสร้างเงินสำรองเชิงยุทธศาสตร์” ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดตัวเหรียญเสถียรพื้นฐานบนเครือข่ายโซลานา(SOL) ในชื่อ KZTE เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

ความร่วมมือระหว่างไบแนนซ์และคาซัคสถานเริ่มต้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2022 เมื่อจางเผิง เจา(Changpeng Zhao หรือ CZ) ในตำแหน่งซีอีโอ ณ ขณะนั้น ได้ลงนามข้อตกลงกับกระทรวงพัฒนาดิจิทัลของคาซัคสถาน เพื่อวางกรอบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล การจัดตั้งกองทุนใหม่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่เปลี่ยนความร่วมมือให้เป็นการดำเนินงานจริง

ในอีกด้านหนึ่ง โปแลนด์กำลังอยู่ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากวงการคริปโต หลังจากสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมาย ‘ว่าด้วยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล’ (Crypto-Asset Market Act) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานสำหรับมาตรการ ‘กำกับดูแลเข้มข้น’ ต่ออุตสาหกรรมคริปโตของประเทศ

เนื้อหาสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คือการกำหนดให้ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล (CASP) ทั้งในและต่างประเทศต้องได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานกำกับดูแลการเงินโปแลนด์(KNF) เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น ความเพียงพอของเงินทุน การควบคุมภายใน และนโยบายต่อต้านการฟอกเงิน (AML)

ข้อกังวลหลักมุ่งไปที่บทลงโทษที่ถือว่ารุนแรง โดยระบุว่าหากฝ่าฝืนอาจได้รับโทษปรับสูงสุดถึง 13.9 ล้านซวอตี หรือราว *389 ล้านบาท* และจำคุกไม่เกิน *2 ปี* ซึ่งสะท้อนความตั้งใจของรัฐบาลที่จะสร้างมาตรการบังคับใช้กฎหมายควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของสหภาพยุโรป (MiCA)

อย่างไรก็ตาม ความเข้มข้นของกฎหมายดังกล่าวกำลังถูกวิพากษ์โดยชุมชนคริปโตในยุโรป โดยมีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมแสดง "ความคิดเห็น" ว่าแม้การสอดรับกับ MiCA เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การตั้งเงื่อนไขเข้มข้นเกินไปอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจเกิดใหม่ กฎหมายยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในวุฒิสภา และยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผลบังคับใช้จริงเมื่อใดหรืออย่างไร