วุฒิสภาสหรัฐฯ เตรียมเปิดการไต่สวนในวันพุธนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เพื่อหารือทิศทาง *การจัดเก็บภาษีคริปโตเคอร์เรนซี* ถือเป็นความเคลื่อนไหวทันทีหลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และกรมสรรพากร (IRS) เพิ่งประกาศ *แนวทางชั่วคราว* ที่ช่วยให้บริษัทขนาดใหญ่ รวมถึงกลุ่มธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 2 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และ IRS ได้ออก *แนวทางชั่วคราว* เกี่ยวกับภาษีขั้นต่ำทางเลือกสำหรับองค์กร (CAMT) ซึ่งถูกบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2022 ภายใต้กฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ โดยกำหนดให้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้ตามงบการเงินอยู่ในเกณฑ์ ต้องเสียภาษีขั้นต่ำอย่างน้อย *15%* โดยมาตรการใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนในการยื่นภาษีของธุรกิจ รวมถึงกิจการด้านคริปโต
แนวทางที่เผยแพร่ในรูปแบบเอกสารทางเทคนิค 2 ฉบับ ได้แก่ Notice 2025-46 และ Notice 2025-49 มุ่งเน้นที่การ *ลดภาระการรายงานภาษีขององค์กร* พร้อมสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับขอบเขตการใช้งาน CAMT ในช่วงที่รอการประกาศข้อบังคับฉบับสมบูรณ์
ในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงินวอลล์สตรีทและวงการคริปโต ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อเนื้อหาในเอกสาร Notice 2025-49 ซึ่งระบุชัดว่า รายได้ตามงบการเงินที่ปรับแล้ว (AFSI) *สามารถแยกผลกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดจริงจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลออกจากฐานภาษีได้* ซึ่งหมายถึงบริษัทที่ถือสินทรัพย์อย่างบิตคอยน์(BTC) หรืออีเธอเรียม(ETH) ในปริมาณมาก อาจลดฐานรายได้ต้องเสียภาษีได้อย่างมีนัยสำคัญ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่าแนวทางนี้ถือเป็น *สัญญาณของการผ่อนคลายภาระภาษีที่มีต่อธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล* ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเกณฑ์บัญชีสารสนเทศที่เหมาะสมในสหรัฐฯ ทั้งนี้ การจำกัดภาษีเฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นจริง ไม่รวมกำไรที่ยังไม่ถูกแปลงเป็นเงินจริง เป็นสิ่งที่ธุรกิจเรียกร้องมาโดยตลอด
ขณะเดียวกัน การไต่สวนต่อหน้าวุฒิสภาในครั้งนี้ อาจเป็น *จุดเริ่มต้นของการออกกฎหมายใหม่ด้านภาษีคริปโตอย่างเป็นรูปธรรม* ในระยะยาว ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีลักษณะเฉพาะจากการเงินแบบดั้งเดิม ทำให้จำเป็นต้องจัดทำหลักเกณฑ์ภาษีเฉพาะทางที่เหมาะสมต่อไป
การขยับตัวครั้งนี้แสดงถึง *ความตั้งใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการผลักดันคริปโตเข้าสู่ระบบการเงินกระแสหลัก* อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่โอกาสการชนะเลือกตั้งอีกครั้งของทรัมป์กลับมาเป็นที่จับตา การเตรียมกรอบกำกับดูแลตั้งแต่ยุคนี้ อาจเป็นกลยุทธ์ของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการเปลี่ยนผ่านอำนาจ
ความคิดเห็น 0