ราคาโทเคนของ *ไพเน็ตเวิร์ก(Pi Network)* ร่วงลงถึง *43%* ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยแตะระดับต่ำเพียง *0.20 ดอลลาร์* หรือประมาณ 280 บาท ซึ่งถือว่าตกลงถึง *93%* เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางแรงกดดันจากราคา โครงการไพเน็ตเวิร์กยังคงเดินหน้าอย่างมุ่งมั่น พร้อมดึงความสนใจจากตลาดผ่านความเคลื่อนไหวเชิงบวกบางประการที่อาจบ่งชี้ถึงโอกาสในการฟื้นตัว
หนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญคือการอัปเดตครั้งใหญ่ของ *Pi App Studio* ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างแอปพลิเคชันที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถสร้าง *dApp* ได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐานการพัฒนาเพิ่มเติม ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาเน้นที่ ‘ประสบการณ์ผู้ใช้’ ระบบ *AI* และการเชื่อมต่อระหว่างนักพัฒนากับชุมชน โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน เนื่องในโอกาส *‘Pi2Day’*
เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักพัฒนา *ไพเน็ตเวิร์ก* ยังจัดกิจกรรม *“2025 Pi Hackathon”* ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม เป้าหมายของกิจกรรมนี้คือการค้นหา ‘กรณีใช้งานที่แท้จริง’ ที่จะสามารถช่วยขยายระบบนิเวศของแพลตฟอร์ม โดยรางวัลรวมถูกกำหนดไว้อยู่ที่ 160,000 PI สำหรับ 8 ทีมผู้ชนะ อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านวันที่ปิดกิจกรรมอย่างเป็นทางการคือ 15 ตุลาคมไปแล้ว แต่ยังไม่มีคำชี้แจงว่าการแข่งขันได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์หรือไม่
แม้ว่าจะมีความคืบหน้าด้านเทคนิคและชุมชนที่น่าสนใจ แต่ราคาของ *PI* ก็ยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ที่นักลงทุนกังวลเป็นอย่างมากคือ *‘การปลดล็อกโทเคนครั้งใหญ่’* ภายในเดือนข้างหน้า คาดว่าจะมีโทเคนจำนวน *120 ล้าน PI* ถูกปล่อยออกสู่ระบบ ซึ่งอาจสร้างแรงขายเพิ่มขึ้นและส่งผลลบต่อราคาต่อไป
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมี ‘สัญญาณบวก’ ปรากฏให้เห็น อาทิ *ปริมาณโทเคนบนกระดานซื้อขายลดลงอย่างเห็นได้ชัด* โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มี *2.6 ล้าน PI* ถูกย้ายจากกระดานกลางไปยังกระเป๋าเงินส่วนตัว ทำให้ยอดคงเหลือบนกระดานลดลงเหลือ *411 ล้าน PI* ซึ่งอาจบ่งบอกถึงแรงเทขายที่เริ่มลดน้อยลงในระยะสั้น
ตัวชี้วัดทางเทคนิคอีกตัวที่น่าจับตามองคือ *Relative Strength Index (RSI)* ของ PI ที่อยู่ในระดับ *26* ถือว่าเข้าสู่จุด ‘ขายมากเกินไป’ ซึ่งในทางทฤษฎีมักสื่อถึง ‘โอกาสในการดีดกลับ’ ของราคา ตลาดบางส่วนจึงเริ่มมองว่าแม้ราคาจะร่วงลงแต่ก็อาจใกล้ถึงจุดกลับตัวเช่นกัน
มุมมองจากตลาดในขณะนี้มุ่งไปที่ ‘การผสานเทคโนโลยี AI กับแพลตฟอร์มที่เน้นผู้ใช้งาน’ ผ่าน Pi App Studio รวมถึง ‘การสรรหากรณีใช้งานจริง’ ผ่านแฮกกาธอนที่เน้นบทบาทชุมชน ซึ่ง *ความคิดเห็น* เห็นว่าสิ่งเหล่านี้อาจเป็น ‘ปัจจัยสำคัญ’ ในการเสริมสร้างมูลค่าของ PI ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ความเสี่ยงจากแรงขายที่เพิ่มสูงขึ้น และความผันผวนของความเชื่อมั่นนักลงทุนยังคงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง นักลงทุนจึงควรติดตามทิศทางของไพเน็ตเวิร์กในช่วงถัดไปอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0