ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงกว่า 13% ภายในช่วงสัปดาห์เดียว โดยล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ราว 105,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 14.59 ล้านบาทต่อเหรียญ ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ระดับราคาปัจจุบันอาจถือเป็น *‘โอกาสในการเข้าซื้อ’* ที่น่าจับตามอง
ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัยข้อมูลคริปโต CoinGecko บิตคอยน์กำลังเคลื่อนไหวในโซนแนวรับที่ประมาณ 104,000-106,000 ดอลลาร์ หรือ 14.45-14.73 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงราคาที่เคยเกิดแรงซื้อกลับในอดีต นักวิเคราะห์ชื่อดัง มิคาเอล ฟาน เดอ พอพ(Michaël van de Poppe) ให้ความเห็นว่า “เรากำลังก้าวเข้าสู่ *‘ช่วงซื้อเมื่อราคาตก’* โดยโซนนี้เคยกลับตัวเป็นขาขึ้นมาแล้วหลายครั้ง” เขาเสริมว่า เพื่อให้สัญญาณขาขึ้นกลับมา บิตคอยน์จำเป็นต้องทะลุระดับ 112,000 ดอลลาร์ หรือราว 15.57 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นแนวต้านในระยะสั้นที่สำคัญ
ขณะที่แนวต้านสำคัญอีกระดับหนึ่งอยู่ที่ 119,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 16.58 ล้านบาท ซึ่งอยู่ใต้ระดับ 120,000 ดอลลาร์ (16.68 ล้านบาท) ที่เป็นจุดชี้เป็นชี้ตายก่อนที่ราคาจะสามารถสร้าง ‘จุดสูงสุดใหม่’ ได้
ด้านภาพรวมทางเทคนิคยังคงส่งสัญญาณเตือน โดยปัจจุบันบิตคอยน์ซื้อขายต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล 21 สัปดาห์ (EMA) ซึ่งในอดีตเคยเป็นแนวรับสำคัญของตลาดขาขึ้น นักวิเคราะห์จาก Rekt Capital ระบุว่า ราคาต้องยืนเหนือเส้น EMA นี้ ปัจจัยเทคนิคถึงจะกลับมา ‘เป็นบวก’
แม้ราคาจะปรับตัวลดลง แต่ *ปริมาณการซื้อขายกลับเพิ่มขึ้น* รายงานจาก CryptoPotato ระบุว่า ปริมาณการซื้อขายรายสัปดาห์ของบิตคอยน์แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนว่า แม้ตลาดจะลงแรง แต่ผู้เล่นในตลาดยังคงเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก
ในอีกแง่มุม การไหลของเงินทุนยังแสดงให้เห็นถึง *ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย* โดยเฉพาะในตลาดทองคำ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง ปีเตอร์ ชิฟ(Peter Schiff) กล่าวว่า การร่วงของบิตคอยน์ในครั้งนี้เป็น “สัญญาณเตือนว่า แนวคิดที่ว่า ‘บิตคอยน์เป็นทองคำดิจิทัล’ อาจเป็นเพียงภาพลวงตา” พร้อมชี้ว่าความสามารถในการรักษามูลค่าของทองคำยังคงโดดเด่นกว่า
ณ เวลานี้ บิตคอยน์ขยับอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 104,000-112,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 14.45-15.57 ล้านบาท โดยยังไม่มี ‘สัญญาณชัดเจน’ ของแนวโน้มใหม่ นักวิเคราะห์มองว่า การสามารถยืนเหนือแนวรับ หรือทะลุผ่านแนวต้านเหล่านี้ได้หรือไม่ จะเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดในระยะถัดไป
ความคิดเห็น 0