บริษัทบาบิลอนแล็บส์(Babylon Labs) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของบิตคอยน์(BTC) เผยว่า ได้สร้างระบบที่ทำให้สามารถใช้ *บิตคอยน์เป็นหลักประกันในระบบอีเธอเรียม(ETH)* ได้โดยไม่ต้องพึ่ง *การดูแลรักษาทรัพย์สินแบบรวมศูนย์หรือบริดจ์*
เดวิด เซ(Devid Tse) ผู้ร่วมก่อตั้งบาบิลอนแล็บส์ และศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 (เวลาท้องถิ่น) ว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการต้นแบบ (PoC) ซึ่งสามารถทำให้ผู้ใช้ *นำบิตคอยน์มาใช้เป็นหลักประกันในระบบอีเธอเรียมได้โดยไม่ต้องใช้บริการ ‘คัสโตเดียน’ หรือบริดจ์*
โครงการนี้อิงตามสมุดปกขาวที่ทางบริษัทเผยแพร่ออกมา โดยได้ใช้กลไก *สมาร์ตคอนแทรกต์ของบิตคอยน์* ที่ชื่อว่า ‘BitVM3’ ในการสร้าง ‘*วอลต์แบบไม่ต้องเชื่อใจ (Trustless Vault)*’ ให้แก่ผู้ใช้แต่ละราย ซึ่งผู้ใช้สามารถฝากบิตคอยน์ของตนไว้ในวอลต์ดังกล่าวได้ โดย *เหรียญ BTC จะถูกล็อกไว้และสามารถถอนออกได้ก็ต่อเมื่อระบบสามารถตรวจสอบสถานะของสมาร์ตคอนแทรกต์ภายนอกว่าตรงเงื่อนไขที่กำหนด*
ด้วยวิธีการนี้ *ผู้ใช้งานสามารถใช้บิตคอยน์เป็นหลักประกันในการกู้ยืมสินทรัพย์จากระบบอีเธอเรียม โดยไม่จำเป็นต้องย้ายเหรียญผ่านบริดจ์แบบเดิมซึ่งเสี่ยงต่อปัญหาด้านความปลอดภัยและการรวมศูนย์* ถือเป็นแนวทางใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นอิสระให้แก่ผู้ถือบิตคอยน์ที่ต้องการมีส่วนร่วมในระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง (DeFi)
ระบบครอสเชนแบบดั้งเดิมมักถูกวิจารณ์ว่าอาศัยตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงทางเทคนิคและความไม่โปร่งใส แต่แนวทางที่บาบิลอนแล็บส์เสนอ *เปิดโอกาสให้ผู้ถือบิตคอยน์สามารถควบคุมสินทรัพย์ได้ด้วยตนเอง* พร้อมกับสามารถใช้มันเป็น *หลักประกันในโปรโตคอล DeFi แบบไร้ตัวกลาง* ได้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงโลกของบิตคอยน์เข้าสู่ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์อย่างปลอดภัยและเสรีมากยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0