บิตคอยน์(BTC) พร้อมพุ่ง! รับสัญญาณวิกฤตสภาพคล่องในสหรัฐและการอัดฉีดเงินจากเฟด

แม้ว่า **ธนาคารท้องถิ่นของสหรัฐ** จะมีการเสริมสร้างโครงสร้างทางการเงินหลังเกิดวิกฤตธนาคารในปี 2023 แต่เมื่อไม่นานมานี้ หลายฝ่ายชี้ว่าธนาคารเหล่านี้กลับต้องเผชิญแรงกดดันทางการเงินอีกครั้ง ซึ่งอาจกลายเป็นปัจจัยผลักดันให้ *บิตคอยน์(BTC)* ได้รับประโยชน์ ในกรณีที่ปัญหาสภาพคล่องทวีความรุนแรง การตอบสนองของธนาคารกลางสหรัฐหรือ **เฟด**(Fed) อาจเร่งให้ราคาบิตคอยน์พุ่งสูงขึ้น

แจ็ก มัลเลอร์ส(Jack Mallers) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท สไตรค์(Strike) มองว่า สัญญาณความเปราะบางของธนาคารท้องถิ่นในสหรัฐ เป็นหลักฐานว่า *บิตคอยน์กำลังสะท้อนความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตสภาพคล่องที่กำลังจะเกิดขึ้น* โดยเขาเชื่อว่าเฟดจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเร่งอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ “**บิตคอยน์สามารถรับรู้ถึงกลิ่นของความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ**” มัลเลอร์สระบุผ่านแพลตฟอร์มไพรมัล(Primal) พร้อมตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า “ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง สหรัฐจะต้องฉีดสภาพคล่องมหาศาลเข้าสู่ระบบการเงิน มิฉะนั้น *อาณาจักรสกุลเงินของพวกเขาจะล่มสลาย*”

มัลเลอร์สกล่าวเพิ่มเติมผ่านโซเชียลมีเดีย X ว่า “**บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพคล่องไวที่สุด** และมันยังเป็น *เครื่องจักรที่บอกความจริงเสมอ*” เขาระบุว่าปัจจัยต่างๆ อย่างเช่น *อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ร่วงลง*, *ส่วนต่างราคาสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น*, และ *ความเครียดในภาคธนาคารที่รุนแรงขึ้น* ต่างบ่งชี้ถึงความเปราะบางในระบบการเงิน “*บิตคอยน์กำลังทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ* และสามารถตรวจจับความเสี่ยงได้แล้ว” เขากล่าว พร้อมคาดการณ์ว่าเมื่อเฟดยืนหยัดในแนวทาง ‘พิมพ์เงิน’ อีกครั้ง *บิตคอยน์จะตอบสนองก่อนใครและสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าเกือบทุกสินทรัพย์*

ในช่วงที่ผ่านมา สัญญาณความไม่มั่นคงของระบบการเงินสหรัฐเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง ทั้งจาก **ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่กลับมาร่วงลง** และราคาหุ้นของบางธนาคารขนาดเล็กที่ร่วงแรง ปรากฏการณ์เหล่านี้ยิ่งตอกย้ำความเชื่อที่ว่าหากมีการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม *บิตคอยน์อาจเป็นสินทรัพย์แรกที่ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคใหม่* นำไปสู่ความคาดหวังว่า ราคาบิตคอยน์มีโอกาสดีดกลับอีกครั้งภายใต้ความเปลี่ยนแปลงทางนโยบายครั้งใหญ่นี้