ตลาดคริปโทยังคงเผชิญภาวะ ‘ขาลง’ อย่างต่อเนื่อง โดยทั้งชิบะอินุ(SHIB), อีเธอเรียม(ETH) และบิตคอยน์(BTC) ต่างก็ *หลุดแนวรับทางเทคนิคสำคัญ* และยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยเฉพาะชิบะอินุที่ร่วงลงต่ำกว่าระดับจิตวิทยาที่นักลงทุนจำนวนมากให้ความสำคัญ ก่อให้เกิดความกังวลในวงกว้าง
ชิบะอินุล่าสุดมีการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 0.0000097 ดอลลาร์ หรือราว 1.35 บาท ซึ่งเป็นการเพิ่ม ‘เลขศูนย์ตัวที่ห้า’ กลับมาอีกครั้งในราคาต่อเหรียญ สาเหตุหลักมาจากแรงเทขายที่กดดันมาตั้งแต่ราคาหลุดระดับ 0.000010 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 บาท) กราฟทางเทคนิคชี้ว่าโครงสร้างขาขึ้นได้พังลงอย่างสมบูรณ์ โดย *เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA)* ทั้งระยะ 50, 100 และ 200 วันถูกทะลุลงทั้งหมด เส้นแนวโน้มที่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนไม่สามารถทำหน้าที่แนวรับได้อีกต่อไป ขณะที่ RSI ดิ่งต่ำกว่า 35 บ่งชี้ว่าเข้าสู่ภาวะ ‘ขายมากเกินไป’ แต่ยังไม่เห็นสัญญาณรีบาวน์ที่แน่ชัด ระดับแนวรับถัดไปอยู่ที่ประมาณ 0.0000080~0.0000085 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.11~1.18 บาท
ด้านอีเธอเรียมก็เข้ามาอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยซื้อขายที่ราว 3,790 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.26 ล้านบาท) ขณะที่กำลังเคลื่อนไหวเข้าใกล้แนวรับ EMA 200 วันที่ 3,550 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.93 ล้านบาท) ซึ่งเคยเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งในอดีต หากราคาหลุดระดับนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเข้าสู่ช่วงขาลงในระยะยาว นอกจากนี้ EMA 50 และ EMA 100 วันก็เพิ่งถูกลดระดับผ่านไปไม่นาน ถือเป็นสัญญาณของการสูญเสียโมเมนตัมระยะสั้น RSI ติดอยู่ที่ระดับ 38 แสดงถึงภาวะอ่อนแรง โดย *ความคิดเห็น* ของนักวิเคราะห์ระบุว่าหากต้องการกลับมาเป็นขาขึ้น ETH ต้องสามารถฟื้นยืนเหนือ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.56 ล้านบาท) แต่ปัจจุบันตลาดยังมีแรงขายมากกว่าการเข้าซื้อ
ในขณะเดียวกัน บิตคอยน์เองก็กำลัง *เดินอยู่บนเส้นบางๆ* หลังจากหลุด EMA 200 วันที่ 108,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.01 ล้านบาท) และกำลังเคลื่อนไหวบริเวณ 105,800 ดอลลาร์ (ราว 14.69 ล้านบาท) ที่ผ่านมาจุดนี้เคยเป็นบริเวณที่แรงซื้อกลับเข้ามาได้สำเร็จ แต่การร่วงลงรอบนี้กลับไม่เหมือนเดิม เพราะมีแรงขายทั้งจากตลาดสปอตและอนุพันธ์ในเวลาเดียวกัน หากไม่สามารถสร้างฐานที่ระดับ 104,000~102,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.45~14.17 ล้านบาท) ได้อีก ก็อาจเกิด ‘การร่วงฉับพลัน’ RSI ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 42 แม้จะใกล้พื้นที่ ‘ต่ำสุด’ แต่กระแสหลักของตลาดยังเป็นแนว ‘รอดูสถานการณ์’ มากกว่าการเข้าซื้อ
แม้ RSI ของหลายสินทรัพย์จะเขาต่ำจนสะท้อนภาวะ ‘ขายมากเกินไป’ แต่หากจะเห็นการฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม อาจต้องมีการปรับฐานลงไปลึกกว่านี้ หรือเกิดแรงกระตุ้นเชิงบวกในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยมหภาคที่ยังเป็นลบ เช่น ความสัมพันธ์กับราคาทองคำลดลง สภาพคล่องในระบบลดลง และความวิตกกังวลของนักลงทุน จึงทำให้การลงทุนในช่วงนี้จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง หาก *บิตคอยน์ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 108,000 ดอลลาร์ได้* แนวรับถัดไปที่ 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 13.9 ล้านบาท) อาจไม่ใช่แค่ระดับจิตวิทยาอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น ‘เป้าหมายใหม่’ ที่นักลงทุนจับตาอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น 0