ผู้ดูแลการล้มละลายของเทอร์ราฟอร์มแล็บส์ยื่นฟ้องจัมป์ เทรดดิงเรียกค่าเสียหายกว่า 5.9 หมื่นล้านบาท
ผู้ดูแลการล้มละลายที่ได้รับการแต่งตั้งโดยศาลสำหรับบริษัทเทอร์ราฟอร์มแล็บส์ (Terraform Labs) ได้ยื่นฟ้องบริษัทการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกอย่างจัมป์ เทรดดิง(Jump Trading) เรียกเงินค่าเสียหายเป็นจำนวนกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.9 หมื่นล้านบาท โดยกล่าวหาว่าจัมป์ เทรดดิงมีส่วนร่วมในการ ‘จัดการราคา’ เหรียญลูน่า(LUNA) และเทอร์ราUSD(UST) ก่อนจะเกิดการล่มสลายของระบบนิเวศเทอร์รา ถือเป็นหนึ่งในคดีแพ่งที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
คดีนี้ถูกยื่นต่อศาลชั้นต้นรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐ โดยนอกจากจัมป์ เทรดดิง บุคคลสำคัญในบริษัทอย่างวิลเลียม ดิโซมมา (William DiSomma) ผู้ร่วมก่อตั้ง และคานาฟ คารียา (Kanav Kariya) อดีตประธาน Jump Crypto ก็ถูกระบุชื่อเป็นจำเลยเช่นกัน ท็อดด์ สไนเดอร์ (Todd Snyder) ผู้ดูแลการล้มละลายระบุว่า “พวกเขาใช้การจัดการข้อมูล ล็อบบี้ราคา และการซื้อขายภายในหาผลประโยชน์จากระบบของเทอร์ราฟอร์มแล็บส์ และปล่อยให้เหล่านักลงทุนต้องรับความเสียหายทางการเงินอย่างหนักหน่วง”
การกล่าวหาในคดีนี้ระบุว่าจัมป์ เทรดดิงได้ทำข้อตกลงลับกับฝ่ายผู้ดูแลเทอร์รา เพื่อช่วยพยุงราคาของเหรียญ UST ให้คงอยู่ที่ระดับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการทำงานแบบ ‘อัลกอริทึม สเตเบิลคอยน์’ แต่ข้อตกลงนี้มิได้เปิดเผยต่อสาธารณะ และไม่สามารถตรวจสอบได้ผ่านบล็อกเชน จึงมีลักษณะเป็นการ ‘หลอกลวงตลาด’
ในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีความก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) เคยระบุว่าจัมป์ เทรดดิงได้มีกำไรจากการซื้อขายเหรียญลูน่าถึงราว 1 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.47 หมื่นล้านบาท ซึ่งตอกย้ำบทบาทของบริษัทนี้ในการนำไปสู่การล่มสลายของระบบนิเวศเทอร์รา ถือเป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินการทางกฎหมายโดยตรงต่อบริษัทซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับสถาบันรายใหญ่ในเรื่องนี้
เหตุการณ์ล่มสลายในเดือนพฤษภาคม 2022 ของเทอร์รา กลายเป็นชนวนระเบิดลูกใหญ่ที่ทำให้วงการคริปโตเผชิญภาวะวิกฤติครั้งใหญ่ เหรียญ UST ซึ่งถูกออกแบบให้มีค่าเทียบเท่า 1 ดอลลาร์ ผ่านกลไกกับเหรียญลูน่า เกิดการหลุดค่าและส่งผลให้ระบบอัลกอริทึมผิดพลาด ทั้งสองเหรียญพังพินาศภายในเวลาไม่กี่วัน สร้างความเสียหายราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5.9 แสนล้านบาท ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายต่อเนื่องของแพลตฟอร์มให้กู้ยืมแบบไร้ตัวกลาง(H-DeFi), กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และบริษัทซื้อขายคริปโต รวมถึงกรณีชื่อดังอย่างทรีแอโรว์แคปิทัล(3AC) ที่ประกาศล้มละลายในเวลาต่อมา
เทอร์ราฟอร์มแล็บส์ได้ยื่นขอคุ้มครองการล้มละลายเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และสามารถกู้คืนทรัพย์สินบางส่วนได้ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.4 พันล้านบาท) แต่ขณะนี้ยังห่างไกลจากการชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหายทั้งหมด
คดีความครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ควันหลงของคดีใหญ่เกี่ยวกับเทอร์รายังคงมีอยู่ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ควอน โดฮยอง ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ยอมรับผิดในชั้นศาลของสหรัฐ และถูกตัดสินจำคุก 15 ปี พร้อมทั้งมีการตกลงยอมความร่วมกับ SEC ในวงเงินสูงถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 6.6 แสนล้านบาท
สไนเดอร์กล่าวย้ำว่า การดำเนินคดีครั้งนี้เป็นการ “เรียกร้องความรับผิดชอบอย่างชัดเจนต่อพฤติกรรมผิดกฎหมายที่นำไปสู่การล่มสลายของระบบคริปโตครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์” ความเคลื่อนไหวนี้ตอกย้ำว่าหน่วยงานกำกับดูแลกำลังพิจารณาบทบาทและความโปร่งใสของบริษัทเทรดขนาดใหญ่ และอาจนำไปสู่การวางแนวทางกฎระเบียบใหม่ที่ยึดโยงกับ ‘ความโปร่งใส’ และ ‘ความน่าเชื่อถือ’ ของผู้เล่นสถาบันในโลกคริปโต
‘ความคิดเห็น’: หากจัมป์ เทรดดิงถูกตัดสินว่ามีความผิดตามข้อกล่าวหา อาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการปฏิรูปอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างและการกำกับดูแลของอัลกอริทึม สเตเบิลคอยน์ รวมถึงบทบาทของผู้จัดตั้งตลาด(Market Maker) ในระบบการเงินแบบไร้ตัวกลางอีกด้วย
ความคิดเห็น 0