ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ราคาของริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL) และอีเธอเรียม(ETH) อาจเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญภายในสิ้นปีนี้ ตามการคาดการณ์จากโมเดลปัญญาประดิษฐ์ล่าสุดของบริษัทแอนโทรปิก(Anthropic) ที่มีชื่อว่า ‘Claude AI’ โดยโมเดลระบุว่า ทั้งสามสกุลเงินอาจเผชิญทั้งภาวะ ‘ขาขึ้น’ และ ‘ขาลง’ ภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มความผันผวนสูงในระยะสั้น โดยเฉพาะในกรณีของริปเปิล มีการคาดการณ์ว่าอาจพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับ *ริปเปิล(XRP)* ปัจจุบันมีราคาประมาณ 1.91 ดอลลาร์ โมเดล Claude AI ประเมินว่าหากตลาดอยู่ในแนวโน้มอ่อนตัว ราคาของ XRP อาจปรับลงมาอยู่ที่ 1.80 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี ซึ่งคิดเป็นการลดลงราว 7% อย่างไรก็ตาม หากตลาดเปลี่ยนเป็นเชิงบวกอย่างรุนแรง Claude เชื่อว่า XRP อาจทะยานขึ้นกว่า *136%* ไปแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ *4.50 ดอลลาร์* โดยมี ‘การเปิดตัว ETF’ เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ
การฟื้นตัวของราคา XRP ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทผู้พัฒนา XRP ชนะคดีความกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ในเดือนมิถุนายน ทำให้ราคา XRP ทะยานขึ้นถึง 3.65 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ปัจจัยเชิงเทคนิคก็ให้สัญญาณบวกเช่นกัน โดยดัชนี ‘RSI’ ล่าสุดฟื้นตัวจากระดับ 39 และแรงซื้อในตลาดยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ แผนเปิดตัว ETF แบบสปอตของ XRP ในสหรัฐอเมริกา ยังเป็นปัจจัยที่หลายฝ่ายมองว่าอาจดึงดูดเงินลงทุนจากสถาบันในระยะอันใกล้นี้
ด้าน *โซลานา(SOL)* ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่เติบโตเร็วที่สุดของปีนี้ มี Total Value Locked (TVL) หรือมูลค่าทั้งหมดในระบบกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ และมูลค่าตลาดเฉียด 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ล่าสุดได้รับความสนใจจากสถาบันการลงทุน หลังจากบริษัทรายใหญ่อย่าง Bitwise และ Grayscale เปิดตัว Solana ETF
ราคาระยะสั้นของ SOL ยังคงอยู่ที่ราว 126 ดอลลาร์ แต่ Claude AI ให้ความเห็นว่า หากสถานการณ์เอื้ออำนวย ราคาสินทรัพย์อาจพุ่งถึง *500 ดอลลาร์* คิดเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 300% เทียบกับราคาปัจจุบัน หรือเหยียบสองเท่าของจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 293 ดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ในกรณีที่ตลาดอ่อนแรง SOL ก็ยังมีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 180 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าราคาปัจจุบันถึง 43%
‘ความคิดเห็น’: ปัจจัยที่สำคัญสำหรับโซลานาคือโครงการ *Real World Asset Tokenization* หรือการนำสินทรัพย์จริงมาอยู่ในระบบบล็อกเชน โดยการมีส่วนร่วมของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock และ Franklin Templeton ยิ่งเป็นแรงหนุนให้ราคามีโอกาสฟื้นตัวได้มากขึ้น
สำหรับ *อีเธอเรียม(ETH)* ซึ่งยังคงเป็นแกนหลักในระบบนิเวศ Web3 ทั้ง Decentralized Application (dApp), สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) และการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 351,000 ล้านดอลลาร์ และมีมูลค่าฝากรวมใน DeFi เกิน 67,000 ล้านดอลลาร์ Claude AI ประเมินว่า ราคา ETH อาจลดลงเหลือ 2,400 ดอลลาร์ในกรณีตลาดอ่อนแรง แต่มีโอกาสพุ่งแตะ 5,000–6,500 ดอลลาร์ในกรณีที่ตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น โดยประเมินจากปัจจัยสนับสนุน เช่น ความน่าเชื่อถือของระบบและสถานะ ‘ฐานของระบบโครงสร้างพื้นฐาน’
อีเธอเรียมยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกรณีที่สหรัฐอเมริกาเดินหน้าผลักดันกฎหมายคริปโตที่เอื้อต่อการนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ก็อาจเร่งการนำอีเธอเรียมเข้าสู่กระบวนการรับรองทางการเงินได้เร็วยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน *SUBBD(ซับด์)* หนึ่งในโปรเจกต์น้องใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นโครงสร้างหลัก ก็ได้รับการจับตามองในฐานะ ‘ดาวรุ่งอัลท์คอยน์’ ที่มีนัยสำคัญ SUBBD มีเป้าหมายรีบูตอุตสาหกรรมครีเอเตอร์ด้วยระบบแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ ไม่ต้องมีตัวกลางเหมือนแพลตฟอร์มแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาควบคุมรายได้และชุมชนของตัวเองได้โดยตรง
โครงการ SUBBD สามารถระดมทุนในช่วงพรีเซลได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ และนำเสนอฟีเจอร์เช่น *Token Gating* และระบบส่วนลดสำหรับสมาชิก เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานมากขึ้น
*ความคิดเห็น*: ในตลาดคริปโตปัจจุบัน XRP และ SUBBD กลายเป็นคู่ขนานที่น่าสนใจ โดย XRP ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์หลักและ Safe Haven ขณะที่ SUBBD เป็นเหมือนตัวแทนของนวัตกรรมและความเปลี่ยนแปลง
โดยรวม Claude AI ชี้ว่าสถานการณ์ราคาคริปโตอาจมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยในช่วงท้ายปี โดย ‘ETF’, ‘แรงซื้อกลับ’ และ ‘การเข้ามาของสถาบัน’ เป็นตัวแปรสำคัญ หากนำแนวโน้มเหล่านี้มาพิจารณาร่วมกับปัจจัยเทคนิค เช่น RSI หรือราคาที่อยู่ในช่วงสะสม ก็อาจส่งสัญญาณการซื้อในระยะกลางถึงสั้น แต่ทั้งนี้ เนื่องจากตัวแบบของ Claude เป็นระบบ AI นักลงทุนจึงควรใช้เป็นเครื่องมือประกอบการวิเคราะห์เท่านั้น ไม่ใช่ข้อมูลชี้ขาดในการตัดสินใจลงทุน
ความคิดเห็น 0