Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

องค์กรแห่เปิดเลเยอร์ 1 ของตัวเอง ดันบล็อกเชนรวมศูนย์ท้าทายแนวคิดกระจายอำนาจ

องค์กรแห่เปิดเลเยอร์ 1 ของตัวเอง ดันบล็อกเชนรวมศูนย์ท้าทายแนวคิดกระจายอำนาจ / Tokenpost

อุตสาหกรรมบล็อกเชนกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม จากเดิมที่นักพัฒนาต้องเลือกสร้างบริการบนเครือข่ายเลเยอร์ 1 (Layer 1) อย่างอีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL) หรือคอสมอส(ATOM) ซึ่งมีคุณสมบัติและเป้าหมายที่แตกต่างกันเพื่อรักษาหลักการ ‘กระจายอำนาจ’ อย่างแท้จริง แต่ปัจจุบัน แนวโน้มใหม่ของ **การที่บริษัทต่างๆ สร้างบล็อกเชนของตัวเอง** กำลังเปลี่ยนภาพรวมของระบบนิเวศคริปโตเข้าสู่ยุคของกลยุทธ์ใหม่

หนึ่งในตัวอย่างสำคัญคือบริษัทด้านการชำระเงินระดับโลกอย่าง **สไตรป์(Stripe)** ที่เพิ่งเปิดเผยกำลังร่วมกับบริษัทการลงทุนพาราไดม์ พัฒนาเครือข่ายบล็อกเชนเลเยอร์ 1 เฉพาะทางสำหรับการชำระเงินชื่อว่า ‘เทมโป(Tempo)’ จุดประสงค์ไม่ใช่เพียงเป็นระบบจ่ายเงินเท่านั้น แต่เป็นความพยายามสร้างพื้นฐาน **ที่สามารถควบคุมได้เองในการ ‘ตัดยอดธุรกรรม’ (Invisible Settlement Layer)** ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียม ความเร็วในการยืนยัน หรือเสถียรภาพ ต่างอยู่ภายใต้โครงสร้างที่บริษัทสามารถออกแบบได้เอง ซึ่งหมายถึงการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาผสานกับประสบการณ์ของสไตรป์ที่สั่งสมมากว่า 20 ปีในด้านโครงสร้างพื้นฐานการเงิน

แนวโน้มนี้ไม่ใช่เพียงแค่การก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่สะท้อนว่า **การเติบโตของ “บล็อกเชนแบบรวมศูนย์ที่ควบคุมโดยองค์กร” กำลังคุกคามเจตจำนง ‘ความเป็นกลาง’ ของระบบบล็อกเชนในภาพรวม** เห็นได้ชัดจากกรณีของเบส(Base) โดยคอยน์เบส(Coinbase) หรือ BNB เชนของไบแนนซ์ ต่างก็ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้โครงสร้างที่องค์กรสามารถควบคุมได้ชัดเจน และเมื่อสไตรป์เข้าร่วมอีกแรง ก็เป็นการเร่งให้ **เชนแบบมีการอนุญาต(permissioned chain)** ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกเลเยอร์ 1 จะถูกควบคุมโดยองค์กร ยังมี **บิตคอยน์(BTC)** ที่ยังคงรักษาความเป็นเครือข่ายแบบกระจายอำนาจไว้อย่างเหนียวแน่น พัฒนาอยู่นอกกรอบของการควบคุม และเครือข่ายใหม่ๆ ที่มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัว ความโปร่งใส และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแบบไม่ยอมประนีประนอม ทั้งนี้ก็เพราะฟังก์ชันที่อาจเสี่ยงต่อกฎระเบียบนั้นไม่สามารถถูกนำมาใช้ในบล็อกเชนองค์กรได้โดยง่าย บริษัทอย่างสไตรป์หรือคอยน์เบสต้องคำนึงถึงใบอนุญาต การควบคุม และความมั่นคงทางกฎหมาย มากกว่าการพัฒนาอย่างไร้ข้อจำกัด

‘โอกาส’ ที่ยังหลงเหลืออยู่ จึงอยู่ในมือของนักพัฒนาแบบกระจายอำนาจ ที่สามารถทำงานในพื้นที่ที่บริษัทต่างๆ ‘ละเลยหรือไม่สามารถแข่งขันได้’ เช่น ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว แอปพลิเคชันที่สามารถเชื่อมต่อกันได้โดยไม่ต้องมีการอนุญาต หรือการออกแบบระบบที่เน้นความสามารถในการ 'ประกอบ' อย่างอิสระ หากสามารถรักษา **“คอมโพซอะบิลิตี้ (Composability)”** อย่างแท้จริงไว้ได้ แม้บล็อกเชนขององค์กรจะมีผู้ใช้จำนวนมาก แต่ ‘ศูนย์กลางของนวัตกรรม’ อาจหวนกลับคืนสู่ชุมชนแบบกระจายอำนาจในที่สุด

การเติบโตของเลเยอร์ 1 ที่ขับเคลื่อนโดยองค์กร จึงไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นการ ‘เลือกข้าง’ ทางอุดมการณ์และการเมืองของโลกคริปโต การตัดสินใจว่าจะพัฒนาอยู่บนแพลตฟอร์มแบบใดไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป อาจกล่าวได้ว่า เวลานี้คือช่วงเวลาแห่งการท้าทายที่รุนแรงที่สุดต่อแนวคิดของการกระจายอำนาจ แต่ขณะเดียวกันก็อาจเป็น ‘โอกาสแห่งการพลิกเกม’ ที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1