ตลาดคริปโตเผชิญ ‘ดีเลเวอเรจ’ หนักสุดเป็นประวัติการณ์ หลังความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์จากสหรัฐ
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) จากรายงานของ ไคโก รีเสิร์ช (Kaiko Research) ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเผชิญภาวะผันผวนรุนแรง หลังเกิดความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์จากสหรัฐ ส่งผลให้เกิดการ *ดีเลเวอเรจ* (Deleveraging) และการหดตัวของ *สภาพคล่อง* ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนถูกบีบให้ขายออกจำนวนมหาศาล สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้งตลาด
รายงานระบุว่า จุดเริ่มต้นของความปั่นป่วนเกิดขึ้นเมื่อทรัมป์กล่าวถึงการเตรียมเรียกเก็บ ‘ภาษีนำเข้าเพิ่มเติม’ เพื่อตอบโต้การจำกัดส่งออกแร่หายากของจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงทันที ขณะที่ *บิตคอยน์(BTC)* และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ร่วงแรงกว่าเดิม โดยเพียงบนแพลตฟอร์มของ *ไบแนนซ์* และ *OKX* พบการล้างพอร์ต BTC ฝั่ง Long มูลค่ารวมนับ 2 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะ *Bybit* และ *OKX* ที่มีการถูกบังคับขายรวมกันสูงถึง 104 ล้านดอลลาร์
ไคโก รีเสิร์ช วิเคราะห์ว่า การล้างพอร์ตครั้งใหญ่เกิดขึ้นในเวลา 20:57 น. ซึ่งนับว่าเป็นทันทีหลังคำแถลงของทรัมป์ แสดงให้เห็นจุดอ่อนไหวของโครงสร้างตลาดที่มีนักลงทุนถือโพซิชัน Long เป็นส่วนใหญ่ โดย *สัญญาค้างชำระ (Open Interest)* ลดลงมากกว่า 10% ทั่วทั้งระบบ ชี้ว่าการใช้เลเวอเรจเป็นประเด็นที่กระตุ้นภาวะตลาดร้อนแรง ความเคลื่อนไหวช่วงสุดสัปดาห์หลังจากนั้นถึงแม้จะเริ่มฟื้นตัว แต่ Open Interest ก็ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ
ที่น่าสนใจคือโทเคน WLFI ของโครงการที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์อย่าง *เวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล (World Liberty Financial)* เกิดแรงเทขายล่วงหน้า นำโดยความกลัวที่ผสมกับการใช้เลเวอเรจสูง แสดงถึงการตอบสนองของนักลงทุนที่ไวต่อความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่ง
วิกฤตสภาพคล่องยิ่งเพิ่มความรุนแรงของสถานการณ์ แม้ปริมาณซื้อขายของ *BTC, อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL)* และ *ริปเปิล(XRP)* จะพุ่งสูงในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ ‘ความลึกของคำสั่งซื้อ’ ในตลาดกลับตื้นลงอย่างมาก โดยเฉพาะบน *ไบแนนซ์*, *คริปโตดอทคอม*, และ *คราเคน* ซึ่งพบว่าออเดอร์ซื้อที่มีอยู่ห่างจากราคาตลาดกลางไปถึง 4%-10% บ่งชี้ถึงการถอนตัวของ *มาร์เก็ตเมกเกอร์* ที่ต้องการลดความเสี่ยง
ผลกระทบที่ตามมาทำให้ ‘สเปรด’ คู่ BTC-USD บนคราเคนกว้างถึง 1,500 ดอลลาร์ ขณะที่บน *คอยน์เบส* และ คริปโตดอทคอมก็มีสเปรดกว้างถึง 500-1,000 ดอลลาร์ เป็นภาวะที่เกิดจากการหายไปของผู้ให้สภาพคล่อง ไคโกจึงประเมินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงผลกระทบระยะสั้น แต่คือ *ความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง (Structural Risk)* ที่ฝังอยู่ในระบบ
ความวุ่นวายยังลุกลามไปถึง *USDe* ที่ออกโดยเอเธนา (Ethena) ซึ่งเพ็กไว้กับดอลลาร์ แต่กลับมีราคาบนไบแนนซ์ร่วงชั่วคราวถึง 0.65 ดอลลาร์ สร้างความโกลาหลเพิ่มเติมแก่ตลาดอนุพันธ์ที่อิงราคานี้ จนเกิดการล้างโพซิชันและเบี้ยวราคาในวงกว้าง ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนปัญหาเรื่อง ‘แหล่งอ้างอิงราคา (Price Oracle)’ ที่ผูกกับตลาดเดียวมากเกินไป โดยมีเสียงเรียกร้องให้ใช้ *ออราเคิลแบบหลายแหล่ง (Multi-Oracle)* หรือ Benchmark Index เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาซ้ำรอย
ท้ายที่สุด ไคโก รีเสิร์ช ชี้ว่า *การล่มสลายเฉียบพลันของตลาดในรอบนี้* เป็นสัญญาณเตือนแรงให้ตลาดพิจารณาทบทวนโครงสร้างการใช้เลเวอเรจ การออกแบบโปรโตคอลราคา และรูปแบบการจัดสรรสภาพคล่องอย่างรอบด้าน พร้อมเปิดเผยว่าจะออกบทวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกราคาและวิธีลดความเสี่ยงเชิงโครงสร้างในภายหลัง
ความคิดเห็น 0