กระเป๋าเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับลูเบียน(LuBian) บริษัทขุดบิตคอยน์(BTC) รายใหญ่ของจีน ถูกตรวจพบว่ามีการเคลื่อนไหวบิตคอยน์มูลค่าประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 46,800 ล้านบาท) หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) เริ่มดำเนินการยึดทรัพย์สินเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การแฮ็กในปี 2020 ซึ่งเกี่ยวข้องกับมูลค่าเงินดิจิทัลกว่า 15 พันล้านดอลลาร์ (ราว 208,500 ล้านบาท)
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ Lookonchain บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน ระบุว่ากระเป๋าดังกล่าวซึ่งไม่มีความเคลื่อนไหวมานานกว่า 3 ปี ได้ทำการโอนบิตคอยน์จำนวน 9,757 BTC ไปยังกระเป๋าเงินใหม่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 40,300 ล้านบาท) ตามราคาตลาดในขณะนั้น ก่อนที่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา จะมีการโอนเพิ่มอีก 2,129 BTC หรือประมาณ 238 ล้านดอลลาร์ (ราว 8,500 ล้านบาท) รวมทั้งสิ้นเป็น 11,886 BTC มูลค่ารวมราว 1.3 พันล้านดอลลาร์
การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับช่วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐเริ่มดำเนินการทางกฎหมายเพื่อติดตามและยึดบิตคอยน์ที่เกี่ยวข้องกับการแฮ็กในอดีต ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความพยายามตอบโต้หรือป้องกันการยึดทรัพย์โดยทางการสหรัฐ
ข้อมูลจากอาร์คัม อินเทลลิเจนซ์(Arkham Intelligence) ระบุว่าเหตุการณ์แฮ็กเมื่อปี 2020 ทำให้ลูเบียนสูญเสียบิตคอยน์ไปถึง 127,426 BTC หรือราว 3.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 48,650 ล้านบาท) ในขณะนั้น โดยบริษัทสามารถตรวจพบการโอนเข้า ‘กระเป๋าฟื้นฟู’ จำนวน 11,886 BTC ซึ่งตรงกับจำนวนที่เพิ่งมีการเคลื่อนย้าย การจับคู่ตัวเลขนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของการเคลื่อนไหวในครั้งนี้
ลูเบียนยังไม่ได้แถลงการณ์อย่างเป็นทางการ และการโอนสินทรัพย์ดังกล่าวยังไม่ชัดเจนว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแฮ็กเกอร์ หรือเป็นการดำเนินการภายในของบริษัทเอง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายแสดงความกังวลต่อพฤติกรรมแปลกประหลาดของกระเป๋า ‘วาฬที่หลับใหล’ ซึ่งตื่นขึ้นมาเคลื่อนไหวในจังหวะเดียวกับการบังคับใช้กฎหมายจากรัฐบาลสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ กระทรวงยุติธรรมได้ประกาศเริ่มกระบวนการทางกฎหมายเพื่อยึดบิตคอยน์ที่เกี่ยวข้องในคดีของลูเบียน และด้วยจำนวนเหรียญ 11,886 BTC ที่ตรงกันกับข้อมูลการโอนล่าสุด ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าทางการสหรัฐจะต้องดำเนินมาตรการตอบโต้หรือร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะบิตคอยน์(BTC) ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านผลกระทบต่อราคาตลาด และระดับความเข้มข้นของการบังคับใช้กฎหมาย การเคลื่อนไหวของกระเป๋า ‘วาฬ’ ขนาดใหญ่บวกกับมาตรการทางกฎหมายที่กำลังเข้มข้นขึ้น กำลังสร้างแรงกดดันให้กับตลาดอีกครั้ง ความผันผวนที่ตามมาจึงอาจเพิ่มขึ้นในระยะสั้น ความเห็นหนึ่งกล่าวว่า "การเฝ้าระวังทิศทางของ BTC จากเหตุการณ์นี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง"
ความคิดเห็น 0