กระแสความกังวลเกี่ยวกับ ‘ภาวะฟองสบู่’ ของกองทุนทรัพย์สินดิจิทัล (DAT) อาจยังคงมีอยู่ในตลาด แต่ในอีกด้านหนึ่ง กลับเป็นช่วงเวลาที่สถาบันวาณิชธนกิจระดับโลกเร่งสะสมอีเธอเรียม(ETH) อย่างต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์ตลาดและอดีตผู้บริหารจากแบงก์ ออฟ อเมริกา อย่าง ทอม ลี(Tom Lee) ได้ให้ *ความคิดเห็น* ว่า อีเธอเรียมอาจมีแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งกว่าบิตคอยน์(BTC) ในรอบนี้
ตามรายงานจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน Arkham Intelligence และบัญชีติดตาม ‘BMNR Bullz’ บริษัทเหมืองคริปโตสัญชาติสหรัฐชื่อ บิตมายน์ อิเมอร์ชัน เทคโนโลยีส์(BitMine Immersion Technologies) ได้เข้าซื้ออีเธอเรียมเพิ่มอีก *379,271 ETH* หลังจากเกิดภาวะราคาร่วงแรงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่าราว *1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.08 หมื่นล้านบาท)* การซื้อแบ่งออกเป็นสามช่วง โดยวันจันทร์มีการซื้อ 202,037 ETH, วันพฤหัสบดีที่ 104,336 ETH และวันเสาร์อีก 72,898 ETH
ขณะนี้ บิตมายน์ถือครองอีเธอเรียมประมาณ *3 ล้าน ETH* หรือคิดเป็นสัดส่วน *2.5% ของอีเธอเรียมทั้งหมดในระบบ* มูลค่ารวมราว *11.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.62 ล้านล้านบาท)* ถือเป็นการถือครองอีเธอเรียมในระดับกองทุนสถาบันที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มการถือครองถึง *5% ของอุปทานทั้งหมด* ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งเริ่มต้นแผนเข้าซื้อจริงจังตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ทอม ลี ยังแสดงความมั่นใจต่อแนวโน้มของอีเธอเรียม โดยกล่าวในบทสนทนา กับซีอีโอของอาร์ค อินเวสต์ แคธี วูด(Cathie Wood) ว่า “อีเธอเรียมมีโอกาสจะแซงหน้าบิตคอยน์” และเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับการเปลี่ยนผ่านของวอลล์สตรีทในปี 1971 ที่หันมาให้ความสำคัญกับหุ้นแทนทองคำ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวคิดด้านสินทรัพย์อย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ดี ลีได้เตือนเกี่ยวกับฟองสบู่ในตลาด DAT โดยระบุว่า ขณะนี้ ‘ส่วนใหญ่ของกองทุน DAT มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV)’ พร้อมตั้งคำถามว่า “ถ้านี่ไม่ใช่การแตกของฟองสบู่ แล้วจะเรียกว่าอะไร” ซึ่งผลการวิเคราะห์จาก 10x Research ยังเผยว่า ราคาหุ้นของกองทุน DAT สำคัญอย่าง เมตาแพลนเน็ต(Metaplanet) และสแตรทเทจี้(Strategy) ต่ำกว่าราคาตาม NAV อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม DAT ที่มีโครงสร้างทุนแข็งแกร่งและกลยุทธ์ชัดเจนก็ยัง *มีโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเกิน (Alpha)* ได้
ด้านหลี่ หลิน(Li Lin) ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มคริปโตชื่อดังอย่าง Huobi ก็กำลังวางแผนระดมทุน *ก้อนใหญ่ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.39 แสนล้านบาท)* เพื่อนำไปลงทุนในกองทุนอีเธอเรียม ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าจับตาจากภาคเอกชนในอีกมุมหนึ่ง
การเร่งสะสมของสถาบันในช่วงที่ตลาดคริปโตเผชิญกับการปรับฐานลงจากจุดสูงสุดกว่า *15%* อาจสะท้อนให้เห็นถึงการมองเป็น *โอกาสสะสมก่อนที่ตลาดจะกลับเป็นขาขึ้น* โดยในการสัมภาษณ์กับ CNBC ทอม ลีระบุว่า “นี่ไม่ใช่จุดสูงสุดของวัฏจักรคริปโต และอาจเป็นจุดใกล้ ‘จุดต่ำสุด’ ของรอบมากกว่า” พร้อมเสริมว่า “นี่คือช่วงฟื้นตัวหลังจากการล้างเลเวอเรจ”
แม้ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ตลาดคริปโตมีความเคลื่อนไหวชะลอตัวลง แต่ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่า ในระยะยาว สินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งมีความแข็งแกร่งและสามารถ *ทนแรงกดดันจากทองคำได้* ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและจะกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้งในไม่ช้า
ความคิดเห็น 0