Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

Agentic Finance: เมื่อ AI กลายเป็นตัวแทนดูแลการเงินแทนมนุษย์

Agentic Finance: เมื่อ AI กลายเป็นตัวแทนดูแลการเงินแทนมนุษย์ / Tokenpost

ช่วงนี้ทั่วโลกกำลังพูดถึง ‘ปัญญาประดิษฐ์(AI)’ ว่าจะเข้ามาเปลี่ยนโลกแทบทุกด้าน ตั้งแต่การทำงานไปจนถึงการให้คำปรึกษาทางจิตใจ แต่ในขณะที่หลายคนพูดถึงความก้าวหน้าของ AI กลับมีน้อยครั้งที่จะหยิบยกเรื่องของการแก้ปัญหา *การเงินส่วนบุคคล* ที่ซับซ้อนและซ้ำซากในชีวิตประจำวันด้วย AI ขึ้นมาพูดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องที่ไปไกลกว่าแค่ ‘แดชบอร์ดสวยๆ’, ‘โบอัตเดอร์ไพรเซอร์’ หรือ ‘แอปดีไฟ(DeFi) ล่าสุด’ ที่ดูเหมือนจะสะดุดอยู่แค่การออกแบบอินเทอร์เฟซ

สิ่งที่บทความนี้ชี้ให้เห็นคือแนวคิดของ ‘*การเงินแบบมีตัวแทน*’ หรือ *Agentic Finance* ที่แม้จะฟังดูแปลกใหม่ แต่หลักการชัดเจนและเรียบง่าย: แทนที่ผู้ใช้จะต้องจัดการกระเป๋าเงิน, แลกเปลี่ยน, บริดจ์ และค่าสวอปด้วยตัวเอง AI จะเข้ามาเป็น ‘ตัวแทน’ ในการบริหารจัดการตาม *เป้าหมาย* ที่ผู้ใช้กำหนด เช่น “รักษาการใช้จ่ายไม่เกินงบในเดือนนี้” หรือ “หาผลตอบแทนจากสเตเบิลคอยน์โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมมาก” หลังจากนั้น AI จะจัดการให้ทั้งหมด

เป้าหมายไม่ได้เพื่อแทนที่มนุษย์ แต่เป็นการช่วย ‘เชื่อมโยง’ ระบบการเงินที่กระจัดกระจายเข้าด้วยกันให้มีความลื่นไหลและสะดวกขึ้น เพราะแม้ผู้คนจะคุยกับ AI อย่างแชตร่วมกับ ChatGPT แล้ว แต่เมื่อต้องสวอปอีเธอเรียม(ETH) บนยูนิสวอป ผู้ใช้ก็ยังต้องกดปุ่มด้วยตนเองอยู่ดี ซึ่งถือเป็นเรื่อง ‘ย้อนแย้ง’ ไม่น้อย

อุตสาหกรรมคริปโตยังคงซับซ้อนราวกับยุคบุกเบิกของเว็บบอร์ดประกอบกับการทำงานแบบธนาคารหลังบ้าน ผู้ใช้ต้องข้ามไปมาระหว่างโคอินเบส, ไบแนนซ์, เมต้าแมสก์, กระเป๋าโซลานา และเซิร์ฟเวอร์ Discord หลายสิบแห่งในแต่ละวัน ต้องเผชิญกับค่าก๊าซที่พุ่งไม่ทันตั้งตัว, บริดจ์ที่ขาดกลางทาง, และคำสั่งที่หายเป็นลม นี่แหละคือหนึ่งในเหตุผลที่หลายคนยังไม่กล้าออกจากศูนย์กลางซื้อขาย(CEX) แม้จะเสียความเชื่อมั่นหลังกรณี FTX เพราะ ‘ประสบการณ์การใช้งาน’ การจัดการสินทรัพย์ด้วยตัวเองนั้นยังห่างไกลจากคำว่า “ดีพอ”

เมื่อ AI ในรูปแบบ *Agent* ถูกนำมาใช้ จะไม่มีใครต้องเข้าไปยุ่งกับขั้นตอนยิบย่อย ผู้ใช้สามารถตั้งคำสั่งที่ซับซ้อนอย่าง “นำ 20% ของ ETH ไปลงทุนในกลยุทธ์ความเสี่ยงต่ำ แต่หาก USDT ด้อยค่าลงให้ปรับแผนโดยอัตโนมัติ” แล้วปล่อยให้ AI ทำงานเอง มันไม่ใช่การแข่งขันเพื่อสร้างแดชบอร์ดที่ดูดีอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการแข่งขันว่า *ใครสามารถสร้าง Agent ที่ฉลาดกว่า* ต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งความเป็นจริง ความคืบหน้าในด้านนี้กลับชะลอตัว ในขณะที่เทคโนโลยี AI กำลังเป็นกระแสร้อนแรง ผู้เล่นในแวดวงการเงินและคริปโตกลับยังคงจำกัดอยู่แค่การปรับปรุง UX รุ่นสเปรดชีต ในขณะที่ผู้ใช้อาจเล่าเรื่องชีวิตให้กับ ChatGPT ได้ แต่เมื่อต้องให้มันย้ายเงิน 1,000 ดอลลาร์ (ราว 139,000 บาท) จาก USDC ไปยัง stETH พร้อมคุมอัตราสลิปเพจไม่เกิน 1% และคำนึงถึงปริมาณการปล่อยคาร์บอน แทบไม่มีเจ้าระบบไหนทำได้

ปัญหาไม่ใช่เพราะ *ขาดเทคโนโลยี* แต่เพราะมี ‘*ความกลัว*’ กลัวการโดนกำกับ กลัวเสียการควบคุม หรือกลัวผู้ไม่หวังดีสร้าง Agent ที่ทำงานผิดพลาดจนก่อให้เกิดความเสียหาย แต่การปฏิเสธการเคลื่อนไหวของอนาคตก็ไม่ได้ช่วยหยุดยั้งมันได้

เมื่อ Agentic Finance เข้ามา ความภักดีของผู้ใช้จะเปลี่ยนไป – จากแพลตฟอร์มเป็น *ตัว Agent* แทน ผู้ใช้จะไม่ได้ผูกพันกับโคอินเบสหรือโรบินฮู้ด แต่จะยึดมั่นกับตัวกลางที่สามารถจัดการสินทรัพย์ระหว่าง CEX ห้าแห่งและ DeFi สิบแพลตฟอร์มอย่างชาญฉลาด มันคือการเปิด ‘ประตูใหม่ของการเงิน’ ไม่ใช่ผ่านแอปหรือกระเป๋าเงิน แต่ผ่าน *Agent ที่รู้ใจ*

ผู้คนไม่อยากตื่นมาตอนเที่ยงคืนเพื่อคลิกยืนยันธุรกรรม หรืออธิบายกับครอบครัวว่าทำไมเงินหายไปเพราะติดอยู่บนบริดจ์ พวกเขาอยากได้ ‘*ประสบการณ์การเงินที่เน้นผลลัพธ์*’ มากกว่าอินเทอร์เฟซที่ดูดี

ถึงเวลาที่เราต้องพูดความจริงกันตรงๆ: แดชบอร์ดไม่ใช่อนาคต ไม่ว่าจะแอปมีมคอยน์, เกม P2E หรือบริการเชื่อมต่อ AI จะมาแรงแค่ไหน สิ่งที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงใหญ่จริงๆ คือ *Agent ที่มีความสามารถและดำเนินการได้จริง* จนกลายเป็นเครื่องมือสามัญของผู้ใช้

แน่นอนจะมีคนค้าน: จะเสี่ยงแค่ไหนถ้าให้ AI จัดการทรัพย์สิน? กฎระเบียบจะยอมรับหรือไม่? ผู้คนควรเรียนรู้การบริหารการเงินเองไม่ใช่หรือ? แต่ข้อโต้แย้งเหล่านี้ก็เคยเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกในช่วงที่โลกกำลังก้าวสู่ธนาคารออนไลน์, บริการหักบัญชีอัตโนมัติ หรือแม้แต่การเทรดผ่านอัลกอริทึม

Agentic Finance ไม่ใช่การกำจัดมนุษย์พ้นจากแวดวงการเงิน แต่มันคือการลดคลิก ลดข้อผิดพลาด เพื่อให้ผู้ใช้ *กลับมาโฟกัสกับกลยุทธ์อย่างแท้จริง* เป้าหมายที่แท้จริงคือการ ‘*คืนอำนาจควบคุมการเงินให้ผู้ใช้*’ หนทางที่จะไปถึงจุดนั้นได้คือการเปลี่ยนวิธีคิด จากฟังก์ชันซับซ้อนแบบ Excel สู่ *ประสบการณ์ทางการเงินที่เข้าใจง่ายอย่าง Spotify Playlist*

บริษัทใดที่สามารถยอมรับแนวทางนี้ได้ก่อน จะเป็นผู้นำในอนาคต ส่วนบริษัทที่ยังยึดติดกับแดชบอร์ดและระบบเก่า ก็คงต้องอยู่ในวังวนของการ ‘หลงรักความเจ็บปวด’ แบบเดิม และเมื่อวันหนึ่งที่ Agent ทางการเงินที่น่าเชื่อถือเปิดตัวเป็นครั้งแรก *จะไม่มีใครอยากย้อนกลับไปใช้ระบบเดิมอีกต่อไป*

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1