Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะ 114,000 ดอลลาร์หลังเฟดส่งสัญญาณบวกต่อตลาดคริปโต

บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะ 114,000 ดอลลาร์หลังเฟดส่งสัญญาณบวกต่อตลาดคริปโต / Tokenpost

บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุระดับ 114,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,584.6 ล้านบาท) ในช่วงสั้น ๆ หลังเกิดถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณบวกต่อตลาดเงินดิจิทัล นำไปสู่การปรับตัวขึ้นของตลาดคริปโตโดยรวม ท่ามกลางประเด็นร้อนอื่น ๆ อย่างการกลับมาของหุ้นเกมสต็อป($GME) และข้อถกเถียงด้านความโปร่งใสของเทเธอร์(USDT)

ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ตลาดคริปโตอย่างแซนติเมนต์(Santiment) ระบุว่า ทั้งการพุ่งของราคาบิตคอยน์ กระแสการลงทุนในเกมสต็อป และข้อกังขาต่อเงินสำรองของเทเธอร์ กลายเป็นจุดสนใจสำคัญบนสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงสัปดาห์นี้ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนอารมณ์ของนักลงทุนที่กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยบางฝ่ายมองว่านี่อาจไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่เป็นสัญญาณที่กำหนดทิศทางทั้งตลาด

แซนติเมนต์เผยว่า บิตคอยน์ดีดตัวขึ้นจาก 109,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,515.1 ล้านบาท) สู่ระดับ 114,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 21 หลังเฟดระบุว่าจะอนุญาตให้บริษัทด้านคริปโตเข้าถึงระบบชำระเงินของตนได้ ความเคลื่อนไหวนี้ถูกตีความว่าเป็นการเปลี่ยนถ่ายทุนจากทองคำสู่บิตคอยน์ โดยบลูมเบิร์กรายงานว่า ‘วาฬคริปโต’ หลายรายเริ่มเปลี่ยนสินทรัพย์เข้ากองทุน ETF บิตคอยน์ที่จดทะเบียนในสหรัฐ หนึ่งในนั้นคือ ‘IBIT’ ของแบล็คร็อก(BlackRock) ซึ่งนับว่ามีบิตคอยน์ไหลเข้าสูงถึงกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.17 แสนล้านบาท)

ปัจจุบัน บิตคอยน์มีมูลค่ารวมในตลาดกว่า 2.16 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,978 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากปีก่อน แม้ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ราคาจะปรับลดลง 4.4% มาอยู่ที่ประมาณ 108,000 ดอลลาร์ (ราว 1,501.2 ล้านบาท)

ขณะเดียวกัน เกมสต็อป ซึ่งเป็นหุ้นที่เคยสร้างปรากฏการณ์ ‘มิมสต็อก’ ยังคงสร้างกระแสครอบคลุมสังคมคริปโต แซนติเมนต์ระบุว่า นักลงทุนกำลังเปรียบเทียบมันกับหุ้นที่มีการขายชอร์ตสูงอย่าง AMC และบียอนด์มีท($BYND) โดยมีการพูดถึงความเป็นไปได้ของ ‘ชอร์ตสควีซ’ รอบใหม่ แม้เกมสต็อปจะไม่ใช่สกุลเงินดิจิทัล แต่วัฒนธรรมการลงทุนแบบกระแสจากชุมชนก็คล้ายคลึงกับมิมคอยน์ ส่งผลให้มีอิทธิพลทางจิตวิทยาต่อตลาดทรงเดียวกัน

ด้านเชนลิงค์(LINK) ได้เข้าร่วมการประชุม "Payment Innovation Conference" ที่จัดโดยเฟด เพื่อเสนอโซลูชันที่เชื่อมโยงการเงินดั้งเดิมกับโลกการเงินกระจายศูนย์ (DeFi) ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของโปรโตคอลนี้ในการสร้างบทบาทระหว่างโลกเก่าและใหม่

ในฝั่งของอีเธอเรียม(ETH) ก็กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อซานดีพ เนลวัล(Sandeep Nailwal) ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการโพลีกอน(MATIC) ออกมาวิจารณ์โครงสร้างภายในของมูลนิธิอีเธอเรียมว่า “รวมศูนย์เกินไป” ซึ่งนำไปสู่การตอบรับจากวิทาลิค บูเทอริน(Vitalik Buterin) ที่แสดงความชื่นชมต่อผลงานของโพลีกอน กรณีนี้ทำให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับบทบาทผู้นำและความเป็นกลางของบล็อกเชนอันดับสองของโลกอีกครั้ง โดยขณะนี้ อีเธอเรียมซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 3,846 ดอลลาร์ (ราว 534,000 บาท) ลดลงกว่า 14% ในช่วงสองสัปดาห์

ด้านเทเธอร์ยังคงเป็นประเด็นถกเถียง แม้จะมีผู้ใช้งานสเตเบิลคอยน์มากกว่า 500 ล้านรายแล้ว แต่ความกังวลเรื่องความโปร่งใสของสินทรัพย์สำรองยังไม่จางหาย แม้บางฝ่ายจะชื่นชมการกระจายการถือครองสินทรัพย์อย่างบิตคอยน์ และทองคำทางเลือกอย่างเทเธอร์โกลด์(XAUT) แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ที่ตั้งคำถามถึงความชัดเจนของงบดุลภายในบริษัท

สุดท้าย โครงการเลเยอร์ 1 อย่างคาเดนา(Kadena) กลายเป็นอีกตัวอย่างของความเสี่ยงในโปรเจกต์ขนาดเล็ก เมื่อเผชิญภาวะตลาดที่ถดถอยจนต้องประกาศหยุดดำเนินการ หลังแถลงการณ์ KDA โทเคนดิ่งลงเกือบ 60% ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เหลือเพียง 0.086 ดอลลาร์ (ราว 120 บาท) และยังมีเสียงลือว่าผู้บริหารบางรายขายเหรียญล่วงหน้า ยิ่งสร้างแรงกระเพื่อมต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

สถานการณ์ในสัปดาห์นี้ชี้ให้เห็นถึง ‘จุดตัด’ ของนโยบายระดับมหภาค การรวมตัวกับการเงินดั้งเดิม และวัฒนธรรมการลงทุนแบบกระแส ซึ่งช่วยชี้ทิศทางตลาดคริปโตอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น นักลงทุนยังคงต้องจับตาความผันผวนในแต่ละประเด็นอย่างใกล้ชิด

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1