จำนวนผู้ใช้งานของเทเธอร์(USDT) ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าผูกกับดอลลาร์สหรัฐ ทะลุ 500 ล้านบัญชีแล้ว เมื่อวันที่ 2 ตามเวลาท้องถิ่น เปาโล อาร์โดอีโน(Paolo Ardoino) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทเธอร์ เปิดเผยข้อมูลนี้ผ่านบัญชี X ส่วนตัว พร้อมระบุว่า นี่อาจเป็น “*ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์ด้านการเข้าถึงบริการทางการเงิน*”
เทเธอร์ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาและภูมิภาคที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยังไม่เพียงพอ ความมั่นคงในการผูกค่ากับดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 ทำให้เทเธอร์ถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการโอนเงินและการเก็บทรัพย์สินอย่างแพร่หลาย อาร์โดอีโนกล่าวว่า “ผู้คนจำนวนหลายร้อยล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารแบบเดิม ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านเทเธอร์”
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่าอัตราการใช้งานของเทเธอร์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคลาตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหา *เงินเฟ้อรุนแรงและค่าเงินอ่อนตัว* ซึ่งยิ่งผลักดันให้ประชาชนค้นหาทางเลือกในการรักษามูลค่าทรัพย์สิน
ในขณะนี้ เทเธอร์ถูกใช้งานในหลายเครือข่ายบล็อกเชน เช่น อีเธอเรียม(ETH), โทรอน(TRX) และโซลานา(SOL) และยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดสเตเบิลคอยน์ทั่วโลก โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดเมื่อวันที่ 2 อยู่ที่ประมาณ 110,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 152.9 ล้านล้านวอน คิดเป็นสัดส่วนเกินครึ่งของมูลค่ารวมสเตเบิลคอยน์ทั่วโลก ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่า เทเธอร์ไม่ได้เป็นเพียงตัวกลางในการซื้อขาย แต่ยังทำหน้าที่เป็น *“สกุลเงินทางเลือกที่ปิดช่องว่างในระบบเศรษฐกิจมหภาค”*
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งให้การสนับสนุนแนวทางที่นำบล็อกเชนมาใช้ในการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะผลักดันให้เกิดความสนใจจากภาครัฐต่อบทบาทของสเตเบิลคอยน์และเทเธอร์เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ความเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีดิจิทัลและนโยบายการเงินในระดับโลก
ความคิดเห็น 0