บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะ 116,000 ดอลลาร์ รับแรงหนุนคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย-ทรัมป์พบสี

บิตคอยน์(BTC) เปิดสัปดาห์อย่างร้อนแรง เมื่อราคาพุ่งแตะระดับ 116,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.61 ล้านบาทในช่วงเช้าวันที่ 27 (เวลาท้องถิ่น) ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยปัจจัยกำหนดทิศทางตลาด ไม่ว่าจะเป็นการประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด), การพบกันระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รวมถึงการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสหรัฐ

เหตุการณ์ที่ถูกจับตามากที่สุดคือ **การประชุมของเฟดและแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวล** ซึ่งมีกำหนดในวันพุธนี้ ทั้งนักวิเคราะห์และแพลตฟอร์มคาดการณ์อีเวนต์ Polymarket ชี้ว่าโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% กำลังมีน้ำหนักมากขึ้น หลังดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือนกันยายนออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ กระตุ้นความคาดหวังของนักลงทุนให้พุ่งสูง

ในวันเดียวกันนั้น บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์(MSFT), อัลฟาเบต(GOOGL) และเมตา(META) ก็จะเปิดเผยผลประกอบการ ตามมาด้วยการรายงานของแอปเปิล(AAPL) และอเมซอน(AMZN)ในวันพฤหัสบดี แม้บริษัทเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องกับตลาดคริปโตโดยตรง แต่พวกเขามีอิทธิพลต่อบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกในระดับสูง

ในวันพฤหัสบดีเช่นกัน การพบกันของประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงที่เกาหลีใต้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นพิเศษ เนื่องจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศเคยส่งผลชัดเจนต่อตลาดคริปโตมาก่อน ก่อนหน้าการประชุม มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐส่งสัญญาณถึง “ความเป็นไปได้ของข้อตกลง” ส่งผลให้บิตคอยน์ไต่จาก 111,500 ดอลลาร์ขึ้นเป็น 113,500 ดอลลาร์ ก่อนจะทะยานแตะระดับ 116,000 ดอลลาร์

การพุ่งขึ้นของ ‘บิตคอยน์’ ยังนำพาให้ **อัลต์คอยน์หลายตัวกลับมาคึกคัก** อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนยังคงอยู่มาก หากเฟดไม่ลดดอกเบี้ยหรือหากการประชุมทรัมป์-สีไม่เกิดความคืบหน้า ตลาดอาจพลิกทิศทางได้ทันที หลายฝ่ายเตือนว่า ความคาดหวังที่สูงในขณะนี้อาจถูกสะท้อนเข้าราคาสินทรัพย์ไปแล้ว จึงควรจับตาผลลัพธ์จริงอย่างใกล้ชิด

การเปิดเผยผลประกอบการกว่า 20% ของบริษัทในดัชนี S&P500 ตลอดสัปดาห์นี้ยังถือเป็นบททดสอบสำคัญของตลาดโดยรวม ซึ่งตลาดคริปโตย่อมหลีกเลี่ยงแรงกระเพื่อมจากเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้ ความคิดเห็น ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า นักลงทุนควรรักษาระดับความระมัดระวัง และเตรียมพร้อมปรับพอร์ตการลงทุนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ