โครงการ ‘XRP Tundra’ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่มอบโอกาสสร้างรายได้แบบออนเชนบนแพลตฟอร์มของริปเปิล(XRP) เตรียมขยายตัวอย่างจริงจัง โดยชูแนวคิดการสร้างระบบ ‘ตู้นิรภัยแบบมีดอกเบี้ย’ บนเครือข่าย XRP เลเชอร์(XRPL) ที่จะช่วยเติมเต็มข้อจำกัดเดิมของระบบบล็อกเชนที่ไม่มีระบบให้ผลตอบแทนโดยไม่ต้องพึ่งพาการขุดหรือการฝากสินทรัพย์เพื่อถือครอง
โดยปกติ XRP เลเชอร์ไม่มีระบบผลตอบแทนจากการสเตกกิง เนื่องจากไม่ได้ใช้กลไกฉันทามติแบบการขุดหรือการถือครอง (PoW หรือ PoS) แต่ใช้ระบบ ‘กลไกฉันทามติแบบ RPCA’ ที่ยืนยันธุรกรรมภายในไม่กี่วินาทีโดยไม่กินพลังงาน ซึ่งแม้จะมีความเร็วและประสิทธิภาพสูง แต่ไม่มีระบบจูงใจสำหรับผู้ตรวจสอบธุรกรรม โครงการ XRP Tundra จึงเข้ามาเติมช่องว่างตรงนี้อย่างชัดเจน
หัวใจของโครงการคือ ‘Cryo Vault’ ซึ่งเป็นสมาร์ตคอนแทรกต์ที่สร้างขึ้นบน XRP เลเชอร์ ผู้ใช้งานสามารถล็อก XRP หรือโทเคนของแพลตฟอร์มไว้ระยะเวลา 7 ถึง 90 วัน และจะได้รับต้นทุนคืนพร้อมผลตอบแทนเมื่อครบกำหนด โครงสร้างนี้ให้ผลคล้ายกับการสเตกกิงในตลาดแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นบนเชนอย่างสมบูรณ์ โดยมีบันทึกทุกธุรกรรมบนบล็อกเชนสาธารณะให้สามารถตรวจสอบได้
อีกหนึ่งจุดเด่นคือการออกแบบให้สามารถถ่ายโอนผลตอบแทนข้ามเชนได้ผ่าน ‘สะพานเชนแบบตรวจสอบได้’ ระหว่างโครงการกับเครือข่ายโซลานา(SOL) โดยสามารถย้ายรางวัลจากพูลสภาพคล่องของ TUNDRA-S บนโซลานาไปยัง Cryo Vault บนเครือข่าย XRP ได้ ช่วยให้เกิดรูปแบบ ‘DeFi บน XRP’ ที่ยังคงความปลอดภัยและความโปร่งใสเอาไว้
ระบบโทเคนแบบคู่ของโครงการประกอบด้วย TUNDRA-S ซึ่งเป็นโทเคนบนโซลานาสำหรับผลตอบแทนและการใช้งานในระบบ และ TUNDRA-X ซึ่งเป็นโทเคนบนเครือข่าย XRP สำหรับการกำกับดูแลและสำรอง ทั้งสองโทเคนสามารถเรียกใช้งานซึ่งกันและกันผ่านสมาร์ตคอนแทรกต์ โดยปัจจุบันกำลังเปิดขายรอบพรีเซล TUNDRA-S ที่ราคา 0.147 ดอลลาร์ (ประมาณ 197 บาท) และ TUNDRA-X ที่ราคา 0.0735 ดอลลาร์ (ประมาณ 98 บาท)
ในแง่ความปลอดภัย โครงการได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระหลายแห่ง เช่น Cyberscope, Solidproof และ FreshCoins ขณะที่ทีมพัฒนาได้รับการยืนยันตัวตนผ่านบริการ KYC ของ Vital Block เพื่อเสริมความโปร่งใส นอกจากนี้ยังใช้กลไก Meteora DAMM V2 บนโซลานาเพื่อลดความเสี่ยงจากการแทรกแซงตลาดและการเทขาย
ความเคลื่อนไหวของ XRP Tundra ถูกจับตามองว่าเป็นกรณีตัวอย่างแรกในการนำโทเคนที่ไม่มีระบบสเตกกิงเข้าสู่ระบบการเงินแบบ Decentralized (DeFi) โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างฉันทามติของเครือข่าย ถือเป็นแนวทางใหม่ที่ช่วยให้บล็อกเชนแบบดั้งเดิมสามารถทำรายได้จากการใช้งานจริงได้
การมาถึงของ XRP Tundra จึงเป็นการเปิดใช้ศักยภาพใหม่ให้กับริปเปิล ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเพียงเครื่องมือชำระเงินเท่านั้น โดยสร้างทางเลือกให้ผู้ถือเหรียญสามารถเปลี่ยนจาก ‘การถือครองแบบพาสซีฟ’ ไปสู่ ‘การมีส่วนร่วมแบบแอ็กทีฟ’ ส่งผลให้โอกาสใหม่ๆ สำหรับนักลงทุน XRP กำลังเปิดกว้างมากขึ้นอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0