แม้บรรยากาศของสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่แนวโน้มของบิตคอยน์(BTC) ในระยะใกล้ยังคงขึ้นอยู่กับว่าราคาจะสามารถ ‘ทะลุ’ หรือ ‘หลุด’ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลักสองเส้นได้ก่อนกัน โดยขณะนี้ตลาดอยู่ในช่วง ‘ไซด์เวย์’ รอแรงส่งใหม่ ซึ่งบ่งบอกว่าราคาอาจเคลื่อนไหวในช่วงจำกัดก่อนจะมีการระเบิดทิศทางอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) จากข้อมูลของตลาดโลก พบว่าสภาพแวดล้อมด้านมหภาคโดยรวม เริ่มฟื้นตัวด้วยแรงสนับสนุนจากความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และพัฒนาการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมแนวโน้มบวกในระยะกลางถึงยาวของตลาดคริปโต รวมถึงบิตคอยน์
จากกราฟรายวันของบิตคอยน์ ราคากำลังก่อตัวเป็นกรอบชัดเจนระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน ประมาณ 114,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.5058 ล้านบาท และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่ระดับ 109,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.4409 ล้านบาท โดยระดับล่างระหว่าง 108,000–109,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.4274–1.4409 ล้านบาท) ทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญที่มีแรงซื้อเข้ามาชัดเจน ส่วนแนวต้านบนอยู่ที่ 114,000–116,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5058–1.5304 ล้านบาท)
หากราคา ‘หลุด’ หรือ ‘ทะลุ’ กรอบนี้ จะมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง โดยเป้าหมายแนวโน้มขาขึ้นอยู่ที่ 120,000–122,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5840–1.6126 ล้านบาท) ส่วนแนวโน้มขาลงอาจพาราคาลงไปทดสอบแนวรับราว 102,000–104,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.3478–1.3764 ล้านบาท)
ด้านกราฟราย 4 ชั่วโมงยังแสดงโครงสร้าง ‘สามเหลี่ยมสมมาตร’ อย่างชัดเจน โดยจุดต่ำสุดของราคาค่อยๆ ยกตัวสูงขึ้น ขณะที่แนวต้านบริเวณ 115,000–116,000 ดอลลาร์ ยังคงต้านทานได้แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสัญญาณของ ‘แรงอัดแน่น’ ที่อาจระเบิดออกในไม่ช้า
ในด้านข้อมูลออนเชน พบว่ายอดกระเป๋าเงินที่มีการเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ในช่วงหลังเริ่มหดตัวลง แม้ว่าราคาจะยังทรงตัวใกล้ระดับสูงสุด บ่งชี้ถึง ‘ความอ่อนล้า’ หรือการเทขายเพื่อทำกำไรในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ระดับกิจกรรมปัจจุบันยังสูงกว่ายอดต่ำสุดสะสมของปี 2024 อยู่มาก ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายมองว่า สิ่งนี้อาจสะท้อนถึง ‘โซนสะสม’ มากกว่าการหนีออกจากตลาดโดยสิ้นเชิง
ข้อมูลในอดีตยังแสดงให้เห็นว่า บทบาทของกระเป๋าเงินที่นิ่งเงียบก่อนหน้านี้เคยเป็นสัญญาณต้นของการสะสมและฟื้นตัวของราคา โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการประชุม FOMC ล่าสุดที่ชี้ถึงท่าทีผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น ซึ่งหนุนให้ทั้งสภาพคล่องและความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมา หากบิตคอยน์สามารถรักษาระดับแนวรับ 108,000–109,000 ดอลลาร์ ได้ พร้อมกับจำนวนกระเป๋าเงินกลับมาทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น ก็มีโอกาสที่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่จะเริ่มต้นได้อีกครั้ง
‘ความคิดเห็น’: ทิศทางของบิตคอยน์ในช่วงต่อจากนี้จึงขึ้นอยู่กับว่า ราคาจะเคลื่อนตัวหลุดกรอบค่าเฉลี่ยด้านบนหรือล่างเสียก่อน หากราคาหลุดลง จะมีการทดสอบแนวรับหลักที่ระดับต่ำกว่า 105,000 ดอลลาร์อีกครั้ง ในขณะที่หากสามารถทะลุกรอบด้านบนได้ แนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 120,000 ดอลลาร์ ก็อาจกลายเป็นเป้าหมายใหม่ในระยะสั้น
ตอนนี้ ตลาดบิตคอยน์กำลังอยู่ในสภาวะ ‘เก็บแรง’ เพื่อเลือกทิศทางครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0