ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ถูก ‘โทเคนไนซ์’ กำลังเปลี่ยนจากเพียงแค่การรับดอกเบี้ย มาเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่แท้จริง โดยมีมูลค่าตลาดทะลุ 8.6 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.16 ล้านล้านวอน) และขยายการใช้งานไปยังด้านการซื้อขายรวมถึงการใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ นำไปสู่การเพิ่มบทบาทของสินทรัพย์จริงแบบโทเคนไรซ์ (tokenized RWA) ในระบบการเงินดิจิทัล
พันธบัตรระยะสั้นในรูปแบบโทเคนไรซ์ที่รวมอยู่ในกองทุนตลาดเงินแบบโทเคน (tokenized MMF) กำลังได้รับความสนใจในฐานะทางเลือกใหม่เพื่อการลงทุนอย่างมั่นคง เนื่องจากให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ สินทรัพย์เหล่านี้เริ่มถูกใช้เป็น *หลักประกัน (collateral)* ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนบทบาทจากแค่แหล่งรายได้ มาเป็นสินทรัพย์สำคัญที่เชื่อมระหว่างระบบการเงินแบบดั้งเดิมและโลกการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)
ตลาดนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มูลค่าตลาดของพันธบัตรโทเคนอยู่ที่ 7.4 พันล้านดอลลาร์ แต่เพิ่มขึ้นเป็น 8.6 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนตุลาคม ในแง่ของผู้นำตลาด *แบล็คร็อก* ผ่านกองทุน ‘BUIDL’ ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วยมูลค่า 2.85 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.85 แสนล้านวอน) ตามมาด้วย *USYC* ของเซอร์เคิล(Circle) ที่ 866 ล้านดอลลาร์ และ *BENJI* ของแฟรงคลิน เทมเพิลตัน ที่ 865 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน กองทุน MMF แบบโทเคนของ *ฟิเดลิตี* ซึ่งเพิ่งเปิดตัวก็เร่งเติบโตจนมีมูลค่าถึง 232 ล้านดอลลาร์แล้ว
การเติบโตของ *พันธบัตรโทเคน* แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านจากผลิตภัณฑ์หารายได้ เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปลอดภัยและไว้ใจได้ ซึ่งสร้างสะพานเชื่อมสำคัญระหว่างโลกคริปโตและระบบการเงินดั้งเดิม ความคิดเห็น: ในช่วงที่ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและความผันผวนของตลาดยังคงสูง สินทรัพย์อย่าง ‘พันธบัตรดิจิทัล’ กลายเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนและสถาบันที่ต้องการทั้ง *สภาพคล่องและความน่าเชื่อถือ*
ความคิดเห็น 0