ไมเคิล เซย์เลอร์ นักลงทุนสายบิตคอยน์(BTC) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดัง สแตรทิจี(Strategy) ยังคงเดินหน้าเก็บสะสมบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดคริปโตจะอยู่ในช่วงพักฐานก็ตาม ล่าสุดบริษัทเปิดเผยว่าได้เข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีกครั้งในวันที่ 2 (เวลาท้องถิ่น) โดยการประกาศผ่านบัญชี X อย่างเป็นทางการ
จากรายงานของบริษัท สแตรทิจีได้ซื้อบิตคอยน์จำนวน 397 เหรียญคิดเป็นมูลค่าประมาณ 45.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 610,000 ล้านบาท โดยมีต้นทุนเฉลี่ยต่อเหรียญอยู่ที่ 114,771 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,537,000 บาท) ซึ่งในปี 2025 จนถึงปัจจุบัน บริษัทระบุว่าสามารถทำกำไรสะสมได้กว่า 26.1% แล้วจากการถือครองบิตคอยน์
เมื่อนับรวมการซื้อครั้งล่าสุด สแตรทิจีถือครองบิตคอยน์ทั้งหมด 641,205 เหรียญ คิดเป็นต้นทุนการลงทุนราว 47.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท) ขณะที่มูลค่าตลาดในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 69 พันล้านดอลลาร์ (ราว 9.1 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นกำไรที่ยังไม่ขายประมาณ 21 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.8 ล้านล้านบาท)
ก่อนหน้านี้ไม่นาน บริษัทเพิ่งเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่น่าประทับใจ โดยทำกำไรสุทธิ 2.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 373,000 ล้านบาท) และมีรายได้จากการดำเนินการราว 3.9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 519,000 ล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมาจากผลประกอบการของการลงทุนในบิตคอยน์ แสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่ได้เป็นเพียงผู้พัฒนาเทคโนโลยี แต่ยังเป็น *บริษัทถือครองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์* อย่างเด่นชัด
อย่างไรก็ตาม อัตราการซื้อบิตคอยน์ของสแตรทิจีในช่วงนี้เริ่มชะลอลงเมื่อเทียบกับเมื่อต้นปี โดยการซื้อในสัปดาห์นี้ใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อนหน้า และถือว่าน้อยกว่าการเทลงทุนขนาดใหญ่ 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปี ซึ่งอาจสะท้อนถึง *การปรับกลยุทธ์ตามภาวะตลาด* มากกว่าจะเป็นการหยุดการลงทุน
ด้านราคาหุ้นของสแตรทิจีในตลาดก็ไม่คงที่นัก โดยตลอดเดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้ลดลงถึง 23% ปัจจุบันมีการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 270 ดอลลาร์ (ประมาณ 36,000 บาท) ถือว่าไม่ได้เคลื่อนไหวตามราคาของบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยในระยะสั้น
การเข้าซื้อบิตคอยน์ล่าสุดของสแตรทิจี สะท้อนอีกครั้งถึงจุดยืนที่ชัดเจนในฐานะหนึ่งใน ‘ผู้ถือครองบิตคอยน์รายใหญ่ภาคสถาบัน’ และเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่น ๆ พิจารณากลยุทธ์การลงทุนระยะยาวที่ตั้งอยู่บน ‘ความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัล’ ท่ามกลางความผันผวนของตลาดในปัจจุบัน
ความคิดเห็น 0