รัฐสภาฝรั่งเศสได้อนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูประบบภาษีฉบับใหม่ ที่จะจัดเก็บภาษีแบบอัตราเดียวจาก ‘สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดการผลิต’ เช่น อสังหาริมทรัพย์, ทองคำ, ศิลปะ, รถยนต์หรู รวมถึง ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ โดยมติในสภาผู้แทนฯ เมื่อวันที่ 22 ผ่านด้วยคะแนนเสียง 163 ต่อ 150 เสียง ขณะนี้ร่างกฎหมายกำลังรอการตรวจสอบจากวุฒิสภา ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการบังคับใช้โดยสมบูรณ์
ร่างกฎหมายฉบับนี้เสนอโดย ฌอง-ปอล มาแต(Jean-Paul Matteï) สมาชิกสภาฝ่ายกลาง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคสังคมนิยมและฝ่ายขวาสุด รัฐบาลฝรั่งเศสตั้งใจนำไปใช้ในการร่างงบประมาณปี 2026 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับความเป็นธรรมของระบบภาษีและส่งเสริม ‘การลงทุนที่ก่อให้เกิดผลิตภาพ’
ประเด็นสำคัญคือการขยายนิยามของ ‘ภาษีความมั่งคั่ง’ จากเดิมที่เน้นไปยังอสังหาริมทรัพย์ มาให้ครอบคลุมถึงสินทรัพย์อย่างทองคำ ภาพวาด เรือยอชต์ รถยนต์หรู และที่สำคัญคือ ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ ซึ่งถูกจำแนกให้เป็น ‘สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดการผลิต’ โดยตรง
“เราควรเก็บภาษีจากสินทรัพย์ทุกประเภทที่ไม่กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความสมดุลในระบบภาษี” มาแตกล่าว โดยร่างกฎหมายกำหนดอัตราภาษีไว้ที่ 1% จากมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดการผลิตซึ่งเกินกว่า 2 ล้านยูโร หรือราว 31 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอัตราเดียว แตกต่างจากระบบภาษีความมั่งคั่งปัจจุบันที่ใช้โครงสร้างแบบขั้นบันได
ในปัจจุบัน ผู้ที่ถือครองทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 130 ล้านยูโร (ประมาณ 20 ล้านบาท) ต้องจ่ายอัตราภาษีแบบขั้นบันได โดยยกเว้นผู้ที่มีสินทรัพย์ต่ำกว่า 80 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม ในระบบใหม่ บุคคลที่ถือครองสินทรัพย์ไม่ก่อเกิดการผลิตมากกว่า 1,000 ล้านยูโร (ราว 154 ล้านบาท) ก็จะจ่ายในอัตรา 1% เช่นกัน ซึ่งอาจกระทบต่อกลุ่มผู้ถือครองสินทรัพย์เชิงสะสมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฝั่งอุตสาหกรรมคริปโตของฝรั่งเศสมีท่าทีไม่เห็นด้วย โดย เอริก ลาร์ชเวค(Éric Larchevêque) หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ ‘เลเจอร์(Ledger)’ แสดงความคิดเห็นผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “นี่คือการลงโทษผู้ที่พยายามปกป้องอนาคตด้วยการออมในทองคำและบิตคอยน์(BTC) เห็นได้ชัดว่าไม่ยุติธรรม”
การที่ฝรั่งเศสจัดให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็น ‘สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดการผลิต’ ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่อาจส่งผลต่อแนวโน้มการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในยุโรป ทั้งในแง่ของภาษีและกฎหมาย นักลงทุนจึงจำเป็นต้องจับตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสนโยบายทั่วโลกกำลังเข้มงวดมากขึ้นต่อสินทรัพย์ดิจิทัล
ความคิดเห็น 0