นิค ซาโบ(Nick Szabo) นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ผู้ทรงอิทธิพลของสหรัฐฯ ได้ออกมาวิจารณ์ว่า แนวคิดเรื่อง ‘การกระจายอำนาจอย่างสมบูรณ์’ ของบิตคอยน์(BTC) นั้นเป็น ‘ภาพลวงตา’ เขาชี้ว่า การที่บิตคอยน์ถูกขนานนามว่าเป็นระบบที่ ‘ไม่ต้องพึ่งความเชื่อถือ’ (trustless system) นั้น จริงๆ แล้วเป็นเพียง ‘ตำนานที่เกินจริง’
เมื่อเร็วๆ นี้ ซาโบโพสต์ผ่าน X (ชื่อเดิม Twitter) ว่า คำกล่าวที่ว่า *“บิตคอยน์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความเชื่อถือใดๆ เลย”* เป็นการเข้าใจผิด และในความเป็นจริง บิตคอยน์ออกแบบมาให้ ‘ลดการพึ่งพาความเชื่อถือให้น้อยที่สุด’ (trust-minimized) มากกว่า หมายความว่า แม้ระบบจะไม่มีศูนย์กลางควบคุม แต่ก็ยังต้องพึ่งพาองค์ประกอบบางอย่างเพื่อให้ระบบยังคงทำงานได้อย่างราบรื่น
เขาให้ตัวอย่างว่า เพื่อให้โปรโตคอลของบิตคอยน์ดำรงอยู่อย่างมั่นคง จำเป็นต้องอาศัยการดูแลที่ซื่อสัตย์ของนักพัฒนา, การปฏิบัติตามกฎของเครือข่ายจากผู้มีส่วนร่วม, และสภาพแวดล้อมทางสังคมและกฎหมายที่ไม่ปิดกั้นโครงการนี้โดยสิ้นเชิง ซาโบระบุว่า ตราบใดที่ระบบต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ การตัดความเชื่อถือออกไปอย่างสมบูรณ์ย่อม *‘เป็นไปไม่ได้’*
เขายังเสริมว่า แนวคิดที่ว่าบิตคอยน์ *สามารถต้านทานการโจมตีจากรัฐบาลได้ทั้งหมดนั้นไร้ตรรกะ* พร้อมเตือนถึง *‘จุดสัมผัสทางกฎหมาย’* (legal attack surface) ที่อาจถูกใช้เป็นช่องทางควบคุม โดยเฉพาะการที่หน่วยงานรัฐสามารถแทรกแซงผ่านการห้ามการซื้อขาย หรือปิดแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนได้ ประเด็นนี้ชี้ให้เห็นว่า สกุลเงินดิจิทัลไม่ได้อยู่นอกเหนือกฎหมายอย่างที่หลายคนเข้าใจ
ซาโบยังเตือนว่า การใส่ข้อมูลแบบสุ่มบนบล็อกเชน เช่นกรณีของออร์ดินัลส์(Ordinals) อาจเปิดช่องให้เกิดความเสี่ยงทางกฎหมาย กล่าวคือ ยิ่งข้อมูลที่ถูกใส่เพิ่มมีความไม่แน่นอน ยิ่งเพิ่มโอกาสให้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซงได้มากขึ้น เขาชี้ว่าเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ไม่สามารถคาดเดาได้เช่นนี้ จำเป็นต้องมี *นักพัฒนาที่เก่ง, นักกฎหมายที่เชี่ยวชาญ, และชุมชนผู้ใช้ที่มีความรู้ความเข้าใจมากพอ*
คำพูดของซาโบครั้งนี้สะท้อนว่า สกุลเงินดิจิทัลไม่ควรตัดสินแค่จากความมั่นคงทางเทคนิคเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงในระดับ *สังคมและกฎหมาย* ด้วย คำว่า *‘ระบบที่ไม่ต้องมีความเชื่อถือ’* อาจฟังดูน่าหลงใหล แต่ความเป็นจริงแล้ว ระบบเหล่านี้ยัง *ผูกโยงกับมนุษย์และโครงสร้างอำนาจ* มากกว่าที่คิด ความคิดเห็นนี้จึงเป็นการเตือนสติที่ชวนให้ภาคส่วนต่างๆ กลับมาทบทวนความยั่งยืนของคริปโตในเวทีโลกอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0