เม็กซีเวนเจอร์ส(MEXC Ventures) บริษัทด้านการลงทุนในคริปโตระดับโลก วิเคราะห์ในรายงานล่าสุดว่า ตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่ช่วง ‘การประเมินมูลค่าใหม่ (Valuation Reset)’ ซึ่งลึกซึ้งกว่าการร่วงลงทางราคาชั่วคราว พร้อมชี้ว่า การปรับฐานในรอบนี้ไม่ใช่เพียงแค่แรงเทขายระยะสั้น แต่เป็นจุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างของตลาดทั้งระบบ โดยราคาของบิตคอยน์(BTC) ที่ลดลงมาต่ำกว่าแนว 100,000 ดอลลาร์ ถือเป็นสัญญาณสะท้อนถึงการประเมินค่าเชิงพื้นฐานในระดับใหม่
ตามรายงาน ระบุว่า มูลค่าตลาดรวมของสกุลเงินดิจิทัลหดตัวเหลือประมาณ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ กิจกรรมในเครือข่าย(on-chain activity)ชะลอตัวลง ขณะเดียวกันสัดส่วนของสเตเบิลคอยน์เพิ่มขึ้น และปริมาณครองครองเหรียญระยะยาวมีแนวโน้มลดลง ปรากฏการณ์เหล่านี้ ไม่เพียงบ่งชี้ถึง ‘ความผันผวน’ ทั่วไป แต่สะท้อนถึง *การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตลาด*
เม็กซีเวนเจอร์สแสดงความเห็นว่า “การปรับฐานนี้ไม่ใช่ความตื่นตระหนก (panic) แต่คือการ *ปรับราคาตามโครงสร้างจริง*” ซึ่งปัจจัยสำคัญที่สุดที่กดดันราคาคือภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะเมื่อความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ลดลงจาก 90% เหลือเพียง 53% สร้างแรงกดดันให้กับนักลงทุนสถาบันที่มีความอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยให้เร่งลดความเสี่ยง ผลที่ตามมาคือเงินทุนเริ่มเคลื่อนกลับไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลและทองคำ
การที่นักลงทุนสถาบันลดบทบาทในตลาดคริปโตยังส่งผลกระทบต่อโมเมนตัมโดยรวม โดยรายงานระบุว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา กองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอตมีแนวโน้มเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ETF ของอีเธอเรียม(ETH) ก็พบพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน บ่งบอกว่า ‘แนวโน้มขาขึ้นที่ขับเคลื่อนโดยสถาบัน’ ได้เริ่มอ่อนแรงลงแล้ว พร้อมระบุว่า “สถาบันเคลื่อนไหวโดยอิงกับเกณฑ์ความเสี่ยง ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ของตลาด” พร้อมยกตัวอย่างราคาหุ้นของ MicroStrategy ที่ปรับตัวลดลง เพื่อสะท้อนถึงการหยุดชะงักชั่วคราวของบทบาทสถาบันในฐานะตัวเร่งการเติบโต
ในแง่มุมของเทรดเดอร์และนักเก็งกำไร รายงานยังกล่าวถึงการเร่งตัวของการ ‘ล้างพอร์ต’ อันเกิดจากการใช้งานเลเวอเรจ โดยระบุว่าตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา มีตำแหน่งเลเวอเรจมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ถูกบังคับปิด ส่งผลให้เกิดการล้างพอร์ตเป็นลูกโซ่ และเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันทางจิตวิทยาเข้าไปอีก เม็กซีเวนเจอร์สเขียนว่า “ทิศทางของตลาดกำหนดโดยปัจจัยมหภาค แต่ความเร็วของการเปลี่ยนแปลง...ถูกเร่งโดยเลเวอเรจ”
การปรับตัวรอบนี้ของบิตคอยน์ไม่ได้เหมือนกับช่วงก่อนหน้าในปี 2013, 2018 หรือ 2022 เนื่องจากโครงสร้างผู้เล่นในตลาดมีความหลากหลายมากขึ้น การเข้าถึงข้อมูลบนเครือข่ายมีความโปร่งใสกว่าแต่ก่อน และนักลงทุนได้พัฒนามุมมองจากการเก็งกำไรระยะสั้นมาเป็นการจัดพอร์ตแบบระยะยาว เม็กซีเวนเจอร์สมองว่า นี่คือ *“กระบวนการนิยามใหม่ของคริปโตในฐานะสินทรัพย์การเงินระดับโลก”*
เม็กซีเวนเจอร์สมองไกลไปกว่านั้น โดยยืนยันว่าการปรับฐานครั้งนี้ไม่ได้หมายถึงการล่มสลาย แต่กลับเป็น ‘จุดเปลี่ยนสู่ความเป็นผู้ใหญ่ของตลาด’ โดยระบุว่า “คริปโตไม่ได้เป็นเพียงอารมณ์ของตลาดอีกต่อไป แต่มันเริ่มถูกประเมินภายใต้กรอบของระบบการเงินแบบดั้งเดิม” และคาดว่าช่วงตลาดขาขึ้นถัดไปน่าจะไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยผลตอบแทนระยะสั้น แต่จะเน้นไปที่ *พื้นฐานของโครงการ* มากขึ้น
สุดท้าย เม็กซีเวนเจอร์สสรุปว่า การปรับฐานของตลาดคริปโตในครั้งนี้คือ ‘จุดเปลี่ยนของบทบาท’ โดยไม่ใช่แค่ราคาที่เปลี่ยนแปลง แต่รวมถึงวิธีที่ตลาดรับรู้ อธิบาย และเข้าใจสินทรัพย์ดิจิทัล ทุกองค์ประกอบตั้งแต่โครงสร้างผู้เล่น การมีส่วนร่วมของสถาบัน ไปจนถึงทิศทางนโยบายภาครัฐ ต่างกำลังเคลื่อนคริปโตไปสู่การถูกยอมรับในฐานะ *สินทรัพย์ที่เติบโตเต็มที่* สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านระดับโครงสร้างในระบบการเงินโลกอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0