Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

คีตา(KTA) กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง มูลค่าตลาดแตะ 600 ล้านดอลลาร์ก่อนขึ้นกระดานเทรดใหญ่

คีตา(KTA) กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง มูลค่าตลาดแตะ 600 ล้านดอลลาร์ก่อนขึ้นกระดานเทรดใหญ่ / Tokenpost

โครงการ คีตา(KTA) กำลังกลับมาได้รับโมเมนตัมอีกครั้งก่อนการจดทะเบียนบนกระดานเทรดชั้นนำ จากรายงานของอเลอา รีเสิร์ช(Alea Research) เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า หลังจากเผชิญกับการเทขายตามข่าว โครงการก็สามารถฟื้นตัวกลับมาด้วยการสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นจากชุมชน ส่งผลให้มูลค่าตลาดพุ่งขึ้นแตะระดับประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ โครงการได้เปิดให้ใช้งานเมนเน็ตแล้ว โดยมีโทเคนโนมิกส์และโครงสร้างการกระจายโทเคนที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อราคาของเหรียญในอนาคต

คีตา(KTA) เป็นบล็อกเชนไฮบริดประสิทธิภาพสูงที่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2025 บนเครือข่ายเบส(Base) จุดเด่นของโครงการคือแนวทาง ‘ชุมชนมาก่อน’ และไม่มีการระดมทุนจากบริษัทร่วมลงทุน(Venture Capital) โดยเน้นสร้างโครงสร้างที่เป็นมิตรกับสถาบัน ทั้งการเลือกใช้ KYC และฟังก์ชันป้องกันการฟอกเงินแบบเรียลไทม์ หนึ่งในข่าวที่สร้างความสนใจคือการคาดการณ์ว่า อีริก ชมิดต์(Eric Schmidt) อดีตซีอีโอของกูเกิล ได้ลงทุนในโครงการนี้ถึง 20 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นข้อมูลจาก TechCrunch เมื่อปี 2023 อย่างไรก็ตาม มีความเห็นบางส่วนว่าการเชื่อมโยงโดยตรงอาจมาจากกองทุน Steel Perlot ที่นำโดย มิเชล ลิตเตอร์ มากกว่า

ในช่วงเปิดตัว KTA เสนอราคาต่ำและมีมูลค่าการเจือจางเต็มรูปแบบต่ำมาก เปิดโอกาสให้ผู้สนใจสามารถเข้าลงทุนในระยะแรกได้ง่าย มูลค่าตลาดเริ่มต้นอยู่ในระดับเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์ ก่อนจะเติบโตถึง 250 ล้านดอลลาร์ หรือราว 10 เท่า โดยราคาในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 0.6 ดอลลาร์ จากจุดสูงสุดเดิมที่ 1.6 ดอลลาร์ ขณะที่ ‘ปริมาณหมุนเวียนที่ต่ำ’ ร่วมกับพลังสนับสนุนจากชุมชน ถือเป็นสองปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความผันผวนของราคา อเลอา รีเสิร์ช ประเมินว่าโครงสร้างนี้มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยง

ตลาดยังคงจับตาการถือครองโทเคนของทีมพัฒนาและนักลงทุนรายแรก โดย KTA ได้ประกาศว่าจะนำโทเคนประมาณ 20% ไปรวมกับอีกส่วนหนึ่งของนักลงทุนรายแรก และถือครองไว้ในกระเป๋าสตางค์แบบเปิดถาวร พร้อมกระจายอีก 10% ให้กับชุมชนผ่านระบบแรงจูงใจตลอดระยะเวลา 3 ปี โครงสร้างการกระจายเช่นนี้ แม้จะมีความเสี่ยงด้านการรวมศูนย์ของซัพพลาย แต่กลับสร้างภาพลักษณ์ของ ‘ความมั่นคงทางราคา’ และ ‘ความน่าเชื่อถือของโทเคนโนมิกส์’ ได้ในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการขายทำกำไรของกลุ่มผู้ร่วมโครงการช่วงต้นซึ่งถือโทเคนจำนวนมาก รายงานระบุว่าการขายของนักลงทุนกลุ่มนี้บางรายทำกำไรได้มากกว่า 100 เท่า และส่งผลให้ราคาผันผวนอย่างรุนแรง ข้อมูลจากอเลอา รีเสิร์ชยังตั้งข้อสังเกตว่า แนวทางของ KTA อาจเป็นลักษณะของ ‘กลยุทธ์แกล้งทำจนประสบความสำเร็จ’ โดยเน้นเล่าเรื่องที่เร้าใจเพื่อเร่งแรงจูงใจทางจิตวิทยาในตลาด รายงานยังชี้ว่า เรื่องเล่าดังกล่าวประกอบด้วยสามองค์ประกอบหลักคือ ‘การรวมศูนย์ซัพพลาย’, ‘ปริมาณการหมุนเวียนต่ำ’ และ ‘โมเมนตัมเชิงบวก’ ซึ่งร่วมกันสร้างกลไกขยายฐานผู้สนับสนุน

จากมุมมองโดยรวม KTA กลายเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจว่า ‘เรื่องราวที่เรียบง่ายแต่น่าเชื่อถือ’ สามารถมีอิทธิพลต่อจิตวิทยาการลงทุนได้อย่างไร และคำถามหลักที่ยังคงอยู่คือ โครงการนี้จะสามารถรักษาความต่อเนื่องของนโยบายการปล่อยเหรียญ ควบคู่กับการขยายเครือข่ายภายนอกได้หรือไม่ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า ความสามารถในการก้าวข้ามช่องว่างระหว่าง ‘เทคโนโลยีล้ำหน้า’ และ ‘ความโปร่งใสทางการเงิน’ อาจเป็นสิ่งที่ตัดสินอนาคตของ KTA โดยตรง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1