สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) เดินหน้าอีกขั้นสำคัญในการพัฒนาเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(CBDC) โดยเมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกระทรวงการคลังดูไบได้ดำเนินการชำระเงินระหว่างหน่วยงานรัฐบาลเป็นครั้งแรกผ่านระบบ ‘ดิริแฮมดิจิทัล’ ด้วยความสำเร็จ การทำธุรกรรมนี้ดำเนินการผ่านแพลตฟอร์ม CBDC สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ ‘เอ็มบริดจ์(mBridge)’
เอ็มบริดจ์เป็นโครงการร่วมพัฒนา CBDC ระหว่างหลายประเทศนำโดยองค์การการเงินแห่งฮ่องกง(HKMA), ธนาคารกลางแห่งประเทศจีน(PBoC) และธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาแพลตฟอร์มการชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยสกุลเงินดิจิทัล โดยธุรกรรมล่าสุดที่เกิดขึ้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการนำร่องการใช้ CBDC แบบ ‘วอลเซล’ หรือ ‘ดิจิทัลดิริแฮม’ ของ UAE โดยใช้เวลาเพียง 2 นาที ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบความสามารถด้านเทคนิคและการบูรณาการระบบกับธนาคารกลาง
อาเหม็ด อาลี เมฟตะห์(Ahmed Ali Meftah) หัวหน้าสำนักบัญชีกลางกระทรวงการคลังดูไบ กล่าวว่า การทดลองใช้ดิริแฮมดิจิทัลครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการระบบการชำระเงินระหว่างรัฐบาลกลางและท้องถิ่น ซึ่งสามารถเพิ่ม ‘ประสิทธิภาพการดำเนินงาน’ และ ‘ความรวดเร็วของการชำระเงิน’ ได้ตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้
การทดสอบครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่ระบบ CBDC ของธนาคารกลาง UAE ซึ่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนของ R3 ภายใต้ชื่อ ‘คอร์ดา เอนเทอร์ไพรส์(Corda Enterprise)’ ได้ถูกรวมเข้ากับแพลตฟอร์มเอ็มบริดจ์โดยตรง และเป็นการทำธุรกรรมที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางภาครัฐใดๆ ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของ CBDC ในการเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างระบบการเงินดั้งเดิม
เป้าหมายสำคัญของการใช้ CBDC คือการ ‘ลดต้นทุนการชำระเงิน’ และสร้าง ‘ระบบชำระเงินทันที’ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ UAE ยังมุ่งหมายใช้ดิริแฮมดิจิทัลเพื่อเพิ่ม ‘การเข้าถึงบริการทางการเงิน’ และ ‘เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายของภาครัฐ’ อีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี 2023 ธนาคารกลาง UAE ได้ลงนามความร่วมมือกับ R3 เพื่อพัฒนาโครงการ CBDC อย่างเป็นทางการ
ในขณะที่การทดลองใช้เงินดิจิทัลกำลังแพร่ขยายไปทั่วโลก ความคืบหน้าของ UAE จึงถือเป็นก้าวที่สำคัญในเส้นทางไปสู่ ‘การนำ CBDC มาใช้ในระบบเศรษฐกิจจริง’ ซึ่งกำลังถูกจับตามองว่าอาจปูทางสู่การใช้งานในวงกว้างภายในระยะเวลาอันใกล้
ความคิดเห็น 0