บิตคอยน์(BTC) ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ประมาณ 93,000 ดอลลาร์ (ราว 1.3 ล้านบาท) ในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนดีดกลับเล็กน้อย ขณะที่ตลาดคริปโตโดยรวมเข้าสู่ภาวะ ‘ตลาดหมี’ หลังจากที่เหรียญส่วนใหญ่โดยเฉพาะอัลท์คอยน์ยังคงเผชิญแรงขายอย่างหนัก
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาบิตคอยน์เคยพุ่งแตะระดับ 107,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) มาจากความหวังเรื่องอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐคงที่ และปัญหาด้านซัพพลายที่เริ่มคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นนี้กลับยืนอยู่ได้ไม่นาน ราคาลดลงต่อเนื่องจนหลุดระดับ 94,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.31 ล้านบาท) เมื่อวันศุกร์ และร่วงลงอย่างหนักในวันอาทิตย์มาแตะจุดต่ำสุดในรอบครึ่งปี ก่อนปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยที่ราว 96,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.35 ล้านบาท) ในปัจจุบัน *ความคิดเห็น: บรรยากาศตลาดกำลังถูกครอบงำด้วยความกลัวและการปรับฐานจึงมีโอกาสยืดเยื้อ*
แม้ราคาจะดิ่งลง แต่มูลค่าตลาดรวมของบิตคอยน์ยังยืนเหนือ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 266.5 ล้านล้านบาท) ได้อย่างหวุดหวิด ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 57.2% แสดงถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนกลับเข้าสู่สินทรัพย์หลัก ท่ามกลางแรงเทขายในเหรียญประเภทอื่น
ฝั่งอีเธอเรียม(ETH) ราคาตกลงต่ำกว่า 3,100 ดอลลาร์อีกครั้ง ก่อนดีดกลับมาอยู่ที่ราว 3,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.48 ล้านบาท) โดยลดลงราว 1% ภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่เหรียญใหญ่อื่นๆ อย่าง ไบแนนซ์คอยน์(BNB), โซลานา(SOL), ทรอน(TRX), ดอจคอยน์(DOGE), เอ이다(ADA), บิตคอยน์แคช(BCH), และเชนลิงค์(LINK) ต่างปรับตัวลดลงในระดับใกล้เคียงกัน
เหรียญขนาดกลางถึงเล็ก หรือ Altcoins หลายรายเผชิญแรงเทขายที่รุนแรงกว่า โดยไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid) และแซดแคช(ZEC) ร่วงกว่า 3% ขณะที่ โมเนโร(XMR), ไลท์คอยน์(LTC), เนียร์โปรโตคอล(NEAR), แพลตฟอร์มเกม Pump.fun และ อินเทอร์เน็ตคอมพิวเตอร์(ICP) ปรับลดสูงสุดถึง 9% ด้านยูนิสวอป(UNI) และเอเธนา(ENA) เป็นกลุ่มน้อยที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก แต่การฟื้นตัวยังมีข้อจำกัด
ในภาพรวม มูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมดหดตัวลงประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว เหลือเพียง 3.35 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 470 ล้านล้านบาท)
หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า การร่วงลงครั้งนี้เป็นมากกว่าการ ‘พักฐานระยะสั้น’ และอาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเข้าสู่ ‘ภาวะตลาดขาลง’ โดยมีปัจจัยสำคัญคือแนวรับทางเทคนิคของบิตคอยน์ที่พังลง และความเชื่อมั่นโดยรวมของนักลงทุนที่อ่อนแรงลงอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนในระดับมหภาคก็ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเร่ง ทั้งประเด็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์ ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงทิศทางนโยบายดอกเบี้ยทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดคริปโตมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามสินทรัพย์เสี่ยงอื่นมากขึ้น *ความคิดเห็น: ในบริบทที่ความเสี่ยงสูง การลดพอร์ตหรือเลือกลงทุนในสินทรัพย์หลักเป็นทางเลือกที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ*
ความคิดเห็น 0