สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตผลักดันร่างกฎหมายห้ามออกเหรียญมีมที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดี
เมื่อวันที่ 27 (เวลาท้องถิ่น) ABC News รายงานว่า แซม ลิคคาร์โด(Sam Liccardo) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เตรียมเสนอร่างกฎหมาย ‘MEME Act’ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อ ‘ห้าม’ ประธานาธิบดี, รองประธานาธิบดี, สมาชิกสภาคองเกรส, เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายบริหาร รวมถึงครอบครัวของพวกเขา ไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออก, สนับสนุน หรือโปรโมทสินทรัพย์ดิจิทัล ร่างกฎหมายฉบับนี้มีขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น กรณีเหรียญมีม ‘ทรัมป์(TRUMP)’ ที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์
ลิคคาร์โดกล่าวว่า "ตำแหน่งทางการเมืองเป็นของประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ควรใช้ตำแหน่งของตนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงิน" หากร่างกฎหมายนี้ผ่านการบังคับใช้ จะครอบคลุมไปถึงคู่สมรสและสมาชิกในครอบครัวของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะถูกจำกัดไม่ให้สร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ดิจิทัล
ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ประกาศปิดการสอบสวนการดำเนินงานของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ เจมิไน(Gemini) ที่ดำเนินมากว่าสองปี โดยเมื่อวันที่ 26 คาเมรอน วิงเคิลวอส(Cameron Winklevoss) ผู้ร่วมก่อตั้งเจมิไน เปิดเผยว่า SEC ได้แจ้งว่าหน่วยงานจะไม่ดำเนินการพิจารณาเพิ่มเติมในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ทาง SEC ย้ำว่าการยุติการสอบสวน ‘ไม่ได้หมายถึงการยกเว้นความผิด’ และยังสามารถดำเนินมาตรการเพิ่มเติมในอนาคตได้หากมีเหตุอันสมควร
อีกด้านหนึ่ง การสอบสวนเหตุการณ์แฮ็กแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ไบบิท(Bybit) ล่าสุด พบว่า แฮ็กเกอร์สามารถเจาะเข้าสู่บัญชีของนักพัฒนา ‘เซฟวอลเล็ต(SafeWallet)’ และขโมยอีเธอเรียม(ETH) มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.016 แสนล้านบาท) รายงานจากบริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย ซิกเนีย(Sygnia) และ เวริเชนส์(Verichains) เปิดเผยว่า แฮ็กเกอร์ใช้สคริปต์มัลแวร์โจมตีโครงสร้างพื้นฐานของเซฟวอลเล็ต พร้อมปลอมแปลงลายเซ็นที่ได้รับอนุญาตเพื่อถอนเงินออกจากแพลตฟอร์ม ล่าสุด เซฟวอลเล็ตระบุว่าดำเนินมาตรการปรับปรุงระบบความปลอดภัยเสร็จสมบูรณ์แล้ว พร้อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทั้งหมดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ตลาดคริปโตฯ ยังคงจับตาการเคลื่อนไหวของร่างกฎหมายควบคุมเหรียญมีม, การปิดคดีของเจมิไนโดย SEC และผลกระทบจากการแฮ็กไบบิท ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดในระยะสั้น
ความคิดเห็น 0