รัฐบาลไทยมีคำสั่งให้โครงการระบุตัวตนดิจิทัลอย่าง ‘เวิลด์’(World) ที่ได้รับการสนับสนุนจาก แซม อัลต์แมน( Sam Altman) หยุดดำเนินงานภายในประเทศ พร้อมให้ลบข้อมูลชีวภาพของผู้ใช้งานออกทั้งหมด โดยชี้ว่า การสแกนม่านตาของประชาชนไทยกว่า 1.2 ล้านรายอาจละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(PDPA)
เมื่อวันที่ 8 กระทรวงเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมของไทย (MDES) ออกแถลงการณ์ว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้สั่งการให้โครงการเวิลด์ลบข้อมูล ‘ม่านตาสแกน’ ของผู้ใช้งานไทยทันที และระงับการให้บริการในประเทศ โดยให้เหตุผลว่า วิธีการระบุตัวตนผ่านการสแกนม่านตาไม่เป็นไปตามกฎหมาย PDPA ซึ่งมีข้อกำหนดเข้มงวดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ข้อมูลชีวภาพ’ อย่างม่านตา ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มข้อมูลที่อ่อนไหวเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางการไทยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกิจกรรมของโครงการเวิลด์ในประเทศ พร้อมทั้งเริ่มกระบวนการตรวจสอบว่าการดำเนินงานดังกล่าวอาจขัดต่อกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือไม่ ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้จึงถือเป็นผลสรุปอย่างเป็นทางการหลังจากใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ในกระบวนการสอบสวน
โครงการเวิลด์ดำเนินการโดยมีพันธมิตรท้องถิ่นในไทยคือ TIDC เวิลด์เวอร์ส ซึ่งได้ออกแถลงการณ์ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) อ้างว่า “เราปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับในท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด และเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานกำกับดูแลอย่างโปร่งใส” อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางกระแสวิจารณ์ โครงการได้ยุติการใช้งานอุปกรณ์ ‘Orb’ สำหรับกรสแกนม่านตาภายในประเทศไทย และลบชื่อไทยออกจากรายการประเทศให้บริการแล้ว
‘เวิลด์’ เป็นโครงการซึ่งเสนอให้ผู้ใช้งานสแกนม่านตาเพื่อยืนยันตัวตน และรับโทเคนเวิลด์คอยน์(WLD) เป็นรางวัล โดยมีเป้าประสงค์เพื่อสร้างระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลในระดับโลก แต่รัฐบาลไทยมองว่าการรวบรวมข้อมูลชีวภาพในลักษณะนี้เสี่ยงต่อการละเมิดความเป็นส่วนตัวขั้นรุนแรง
ความคิดเห็น: การเคลื่อนไหวของรัฐบาลไทยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนดิจิทัลต้องเผชิญในการขยายสู่ระดับสากล โดยเฉพาะในแง่ของความสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในแต่ละประเทศ
โครงการเวิลด์ของแซม อัลต์แมนกำลังเผชิญกับข้อกังวลด้านกฎหมายในหลายประเทศ รวมถึงเยอรมนี สหราชอาณาจักร และอินโดนีเซีย ซึ่ง ‘ข้อมูลชีวภาพ’ กำลังกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจขัดขวางการเติบโตของโครงการในระดับโลก
ความคิดเห็น 0