โปรโตคอลใหม่ที่ใช้เทเธอร์(USDT) เป็นฐานได้เปิดตัวเมนเน็ตของบล็อกเชนของตัวเองในชื่อ ‘สเตเบิลเชน(StableChain)’ อย่างเป็นทางการ พร้อมกับการเปิดตัว ‘สเตเบิล(STABLE)’ โทเคนหลักของเครือข่าย และก่อตั้งมูลนิธิบริหารจัดการ ‘มูลนิธิสเตเบิล’ อีกด้วย
สเตเบิลเชนถูกออกแบบให้เป็นบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ที่ใช้ USDT เป็นค่า *แก๊ส* สำหรับการทำธุรกรรม แทนที่จะใช้เหรียญที่มีความผันผวนสูง ช่วยให้รองรับการชำระเงินและการชำระบัญชีแบบ *คงค่าดิจิทัล* ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับระบบการเงินที่เสถียรและสามารถคาดการณ์ได้
ระบบการบริหารของสเตเบิลเชนจะแยกหน้าที่ระหว่าง *มูลนิธิสเตเบิล* ซึ่งดูแลการกำกับนโยบาย และนักพัฒนาเครือข่ายที่ควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของระบบ โดยโทเคน STABLE จะถูกนำมาใช้สำหรับ *การออกเสียง* และการดำเนินงานเชิงนโยบาย ขณะที่การทำธุรกรรมจะยังคงใช้ USDT ในการประมวลผล เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับระบบ
ในช่วงแคมเปญล่วงหน้า มีผู้ใช้งานกว่า 24,000 กระเป๋าสตางค์ ดำเนินการฝากเหรียญรวมแล้วกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.9 ล้านล้านวอน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นล่วงหน้าที่ค่อนข้างสูงต่อเครือข่ายใหม่นี้ โดยก่อนหน้านี้โครงการสเตเบิลก็สามารถระดมทุนระดับ Seed ได้ 28 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 411 พันล้านวอน จากผู้สนับสนุนหลักอย่าง Bitfinex, Hack VC และซีอีโอของเทเธอร์ เปาโล อาร์โดอิโน(Paolo Ardoino) ซึ่งยังมีบทบาทเป็นที่ปรึกษาให้โครงการด้วย
การเปิดตัวเมนเน็ตครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวยุทธศาสตร์สำคัญของ iFinex บริษัทแม่ของ Bitfinex และ Tether ในการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านสเตเบิลคอยน์ และยังสะท้อนให้เห็นภาพชัดว่าบทบาทของ USDT นั้นกำลังก้าวข้ามจากเหรียญสำหรับการเทรดไปสู่การเป็นหัวใจของระบบบล็อกเชนเต็มรูปแบบ
ไบรอัน เมลเลอร์(Bryan Meller) ซีอีโอของสเตเบิล ยังกล่าวว่า บริษัทกำลังสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ เพื่อพัฒนาแนวปฏิบัติที่เหมาะสมต่อการใช้โครงสร้างสเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินอย่างเป็นทางการ
กระแสดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดที่สเตเบิลคอยน์เริ่มมีบทบาทสูงขึ้นในระบบจ่ายเงินดิจิทัล องค์กรการเงินขนาดใหญ่อย่างธนาคาร, บริษัทรับชำระเงิน และผู้ให้บริการโอนเงินทั่วโลก ต่างเริ่มหันมาใช้สเตเบิลคอยน์และพัฒนาโครงสร้างบล็อกเชนของตนเองกันอย่างเร่งด่วน
ตัวอย่างเช่น พลาสมา(Plasma) สตาร์ตอัปที่กำลังพัฒนาเครือข่ายเฉพาะสำหรับ USDT สามารถระดมทุนได้ 24 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้ออก USDC อย่าง Circle ก็เตรียมเปิดตัวบล็อกเชน ‘Arc’ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรภายในปีนี้ และ Stripe บริษัทชำระเงินชื่อดังก็กำลังพัฒนาเครือข่ายใหม่ในชื่อ ‘Tempo’ เช่นกัน
แม้บล็อกเชนที่ใช้กันในปัจจุบัน เช่น อีเธอเรียม(ETH) จะมีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าธรรมเนียมที่สูง เฉลี่ยใช้เวลาประมวลธุรกรรมราว 3 นาที ทำให้ความต้องการบล็อกเชนที่ออกแบบมาสำหรับสเตเบิลคอยน์เริ่มเป็นที่ต้องการมากขึ้น
จากข้อมูลของ DefiLlama ระบุว่า มูลค่ารวมของสเตเบิลคอยน์ทั่วโลกเพิ่มจาก 198.76 พันล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 308.45 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน คิดเป็นการเติบโตราว 55% ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น
‘ความคิดเห็น’: การที่เทเธอร์หันมาขยายบทบาทผ่านโปรโตคอล StableChain เป็นการบ่งชี้ถึงความพยายามในการยกระดับ USDT จากสินทรัพย์เพียงเพื่อการซื้อขาย ไปสู่โครงสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักระดับเครือข่าย ซึ่งอาจกลายเป็นแรงกระตุ้นสำคัญในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจการเงินดิจิทัลในอนาคต
ความคิดเห็น 0