การต่อสู้ทางกฎหมายระหว่างริปเปิล(Ripple)และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐ(SEC) ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายปี 2025 ถือเป็นหนึ่งในคดีสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต โดยสร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อผู้ลงทุนในเหรียญริปเปิล(XRP) และแนวโน้มการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐ
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคม 2020 SEC ได้ยื่นฟ้องริปเปิล ฐานขาย XRP โดยไม่ได้จดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ ขณะที่ทางริปเปิลยืนยันว่า XRP เป็นเพียง ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ไม่ใช่หลักทรัพย์ ซึ่งเปิดศึกทางกฎหมายที่ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อราคาของ XRP เท่านั้น แต่ยังสร้างความคลุมเครือให้กับกฎเกณฑ์ของคริปโตในประเทศ
ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2023 ศาลแขวงเขตทางใต้ของนิวยอร์กภายใต้การพิจารณาคดีของผู้พิพากษาอานาลิซา ตอร์เรส(Analisa Torres) ได้วินิจฉัยให้การซื้อขาย XRP บนตลาดสาธารณะ ‘ไม่เข้าข่ายหลักทรัพย์’ ซึ่งนับเป็นชัยชนะบางส่วนของฝั่งริปเปิล แต่การขายให้กับนักลงทุนสถาบันนั้นยังคงถือว่า ‘ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์’ ซึ่งนำไปสู่การสั่งปรับริปเปิลเป็นเงิน 125 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1,850 พันล้านวอน
แม้จะได้รับชัยชนะบางส่วน แต่การต่อสู้อยู่ยืดมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2024 SEC และริปเปิลยื่นอุทธรณ์และฟ้องแย้งกันอย่างดุเดือด อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 2025 ทั้งสองฝ่ายได้ยื่นขอให้ศาลแมนฮัตตันยุติคดีตามเงื่อนไขของข้อตกลงที่บรรลุร่วมกัน
ตามข้อตกลงดังกล่าว ริปเปิลชำระเงินเพียง 50 ล้านดอลลาร์จากเงินที่ฝากไว้ในเอสโครว์ และได้รับเงินส่วนที่เหลือคืน ขณะที่คำสั่งห้ามซ้ำเติมซ้ำซ้อนทางกฎหมายถูกยกเลิก ทำให้คดีสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ ความไม่แน่นอนตลอด 5 ปีที่ยาวนานจึงคลี่คลายลง ส่งผลให้ระบบนิเวศของ XRP กลับมาเคลื่อนไหวอย่างคึกคักอีกครั้ง
คดีนี้ส่งผลต่อภาพรวมของตลาดเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะราคาของ XRP เองที่ได้รับแรงกดดันมาตั้งแต่ปี 2020 และเคลื่อนไหวอยู่ราว 0.5 ดอลลาร์ต่อเหรียญ แถมยังถูกลบออกรายชื่อจากกระดานเทรดหลายแห่ง ความวิตกจากความเสี่ยงด้านกฎระเบียบยิ่งส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน
อย่างไรก็ตาม หลังการวินิจฉัยในปี 2024 ราคาของ XRP พุ่งทะลุ 2 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน และทะลุ 3 ดอลลาร์ทันทีที่คดีสิ้นสุดลงในปี 2025 แม้ภายหลังจะมีการปรับฐาน แต่ปริมาณการเทรดและการใช้งานกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงทิศทางการฟื้นตัวที่แข็งแรง
‘ความเห็น’: คดีนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับริปเปิล แต่ยังรวมถึงตลาดคริปโตโดยรวม โดยเฉพาะการพิจารณาว่าการซื้อขายบนตลาดเปิดอย่างกระดานเทรดไม่มีสถานะเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งอาจเป็น ‘บรรทัดฐานใหม่’ สำหรับโครงการคริปโตที่มีลักษณะใกล้เคียงกันในอนาคต และลดความเสี่ยงทางกฎหมายให้กับผู้พัฒนาและนักลงทุน
การยุติคดีระหว่างริปเปิลและ SEC จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของบริษัทหนึ่งกับหน่วยงานกำกับดูแล แต่เป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญถึงอนาคตของสกุลเงินดิจิทัลในสหรัฐอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0