ครอบครัวนักลงทุนระดับเศรษฐีทั่วโลกเริ่มเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในคริปโตอย่างจริงจังในปี 2025 โดยเฉพาะใน *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* ซึ่งยังคงเป็นสินทรัพย์หลักของพอร์ตการลงทุน อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของตลาดคริปโตและแนวโน้มราคาที่ลดลงในช่วงปลายปี เริ่มสร้าง ‘ความไม่แน่นอน’ ต่อมุมมองของนักลงทุนในปี 2026
สำนักข่าว Financial News รายงานเมื่อวันที่ 24 ว่า ปี 2025 เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านสำคัญของกลุ่ม *สำนักงานครอบครัว* หรือ *ฟามิลี่ออฟฟิศ* จากเดิมที่มองคริปโตเป็นเพียงการทดลอง กลายมาเป็นกลุ่มนักลงทุนเชิงโครงสร้างอย่างเต็มตัว มูฮัมหมัด เยซิลฮาร์ก ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของนอยา แคปิตอล(NOIA Capital) กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากการจัดสรรสินทรัพย์ใน *สินทรัพย์ดิจิทัล* ที่เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ความมั่นใจของ *ฟามิลี่ออฟฟิศ* เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของระบบดูแลสินทรัพย์ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และระบบบริหารความเสี่ยง ซึ่งช่วยให้บิตคอยน์และอีเธอเรียมยังคงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ง่ายโดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่ยังขาดผู้เชี่ยวชาญภายใน
ข้อมูลจากการสำรวจของ BNY เมลลอนในเดือนตุลาคม 2025 เผยว่า 74% ของครอบครัวที่มีสินทรัพย์สูงระดับพิเศษมีแผนหรือลงทุนในคริปโตอยู่แล้ว เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 21 จุดเปอร์เซ็นต์ คริส ไรน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารกองทุนของแกแล็กซีดิจิทัล เปิดเผยว่า การลงทุนครั้งนี้มุ่งเน้นผลระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น โดยตัวอย่างเช่น VMS จากฮ่องกงได้ลงทุน 10 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 145 ล้านบาท) ในกองทุนคริปโต Re7 ขณะที่ครอบครัว อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) วางแผนเปิดกองทุนคริปโตขนาด 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,620 ล้านบาท)
สำหรับแนวโน้มปี 2026 นักวิเคราะห์มองเห็นทั้งความหวังและความกังวล พีต นาซาเรียน ผู้ก่อตั้งแรพเตอร์ดิจิทัล แสดง *ความคิดเห็น* ว่า “การเสนอขายหุ้น(IPO) ของบริษัทคริปโต และการขยายตัวของผลิตภัณฑ์อย่าง ETF จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหญ่อย่างฟามิลี่ออฟฟิศเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ตลาดคริปโตเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว หลังจากเดือนตุลาคมกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ของมูลค่าตลาดหายไป โดย *บิตคอยน์* และ *อีเธอเรียม* ตกลงมากกว่า 30% ทำให้นักลงทุนบางส่วนกลับไปมองหาสินทรัพย์ที่มั่นคงกว่า เช่น *อสังหาริมทรัพย์* ฟามิลี่ออฟฟิศรายหนึ่งจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้ความเห็นว่า “ภาวะตลาดที่ผันผวนทำให้เราหันกลับมาพิจารณาสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพมากกว่า”
เยซิลฮาร์ก เชื่อว่า ในปี 2026 ความสำเร็จจะอยู่ที่การวางกลยุทธ์ลงทุนแบบรอบคอบ โดยเน้นว่า “การลงทุนเชิงโครงสร้าง โดยให้ความสำคัญกับ *เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน* มากกว่าการแสวงหากำไรระยะสั้น จะกลายเป็นกลยุทธ์ที่อยู่รอดได้ในระยะยาว”
ในภาพรวม ปี 2025 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของ *ฟามิลี่ออฟฟิศ* จากนักลงทุนเชิงทดลอง สู่ผู้เล่นหลักในสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ปี 2026 จะเป็นปีแห่ง ‘การเลือกข้าง’ — ระหว่างการเดินหน้าท่ามกลางความเสี่ยง หรือถอยกลับสู่ความมั่นคงในระบบแบบดั้งเดิม
ความคิดเห็น 0