เมื่อวันที่ 8 (เวลาท้องถิ่น) บริษัทสเกลแลปส์(Scale Labs) ได้เปิดตัว ‘BITE โปรโตคอล’ ซึ่งเป็นโปรโตคอลแรกของโลกที่สามารถ *กำจัดมูลค่าการดึงออกสูงสุด (MEV)* ออกจากระดับกลไกฉันทามติของบล็อกเชนได้โดยสมบูรณ์ ท่ามกลางข้อมูลที่ชี้ว่า ตั้งแต่ปี 2020 ผู้ใช้งานสูญเสียเงินไปกับ MEV กว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.55 ล้านล้านวอน (ประมาณ 67,000 ล้านบาท) ซึ่ง BITE โปรโตคอลถูกคาดหวังว่าจะสามารถสร้าง *ความเป็นธรรมในระบบบล็อกเชนเทียบเท่ากับตลาดการเงินดั้งเดิม*
BITE หรือชื่อเต็มว่า ‘Blockchain Integrated Threshold Encryption’ ได้รับการออกแบบมาให้ *ไม่มีผู้เข้าร่วม—including ผู้ตรวจสอบ (Validator)—สามารถเข้าถึงเนื้อหาธุรกรรมใดได้ก่อนที่บล็อกจะถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์* ถือว่าแตกต่างจากแนวทางเดิมที่มักแก้ปัญหา MEV เพียงในระดับผิวเผิน BITE กลับเลือกผสานระบบการเข้ารหัสแบบกำหนดขอบเขต (Threshold Encryption) เข้ากับ ‘เลเยอร์ฉันทามติ’ โดยตรง เพื่อยกระดับความโปร่งใสและความยุติธรรมของทุกผู้มีส่วนร่วมในบล็อกเชน
แจ็ค โอฮอลเลอแรน(Jack O'Holleran) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของสเกลแลปส์ ระบุว่า “BITE โปรโตคอลจะเป็นจุดเปลี่ยนทางเทคโนโลยีของบล็อกเชน และมีศักยภาพที่จะทำให้เทคโนโลยีเลเยอร์1 ในปัจจุบันกลายเป็นของล้าสมัย” พร้อมทั้งเสริมว่า “BITE จะ *เข้ารหัสกระบวนการฉันทามติ* และ *ขจัดพฤติกรรม MEV* โดยสิ้นเชิง เช่น การดักซื้อก่อนหน้าผู้ใช้รายอื่น (Front-running), การโจมตีแบบแซนด์วิช (Sandwich Attack) และการควบคุมเวลาในบล็อก (Time-bandit Attack)”
หนึ่งในประเด็นที่ BITE ให้ความสำคัญคือการป้องกันไม่ให้ *ผู้เล่นที่มีอำนาจ* แสวงหาผลประโยชน์จากผู้ใช้ทั่วไป ด้วยการทำให้ผู้เข้าร่วมทุกฝ่ายสามารถดำเนินธุรกรรมบนพื้นฐานของ *ข้อมูลที่เหมือนกันในเวลาเดียวกัน* ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐาน 'ความเป็นธรรม' ให้เทียบเท่ากับระบบการเงินดั้งเดิม ขณะเดียวกันก็รักษาจุดยืนของ *การกระจายศูนย์ (Decentralization)* ไว้
ผลกระทบของ BITE มีแนวโน้มจะขยายไปยังหลายกลุ่มอุตสาหกรรมในโลกคริปโต เช่น *แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ (DEX), มาร์เก็ตเพลส NFT, โปรโตคอลการให้กู้ยืม, เกมบนเชน, ตลาดคาดการณ์ และแพลตฟอร์มโทเคนสำหรับสินทรัพย์จริง*—ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่ต้องการทั้งความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสในการทำธุรกรรมอย่างสูงสุด
ทั้งนี้ สเกล เป็นเครือข่ายบล็อกเชนเลเยอร์1 แบบไร้ค่าธรรมเนียมแก๊ส (Gasless) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการพัฒนา dApp ประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในตลาดเกม, AI, โซเชียล และเมตาเวิร์ส สเกลแลปส์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2017 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย และในปัจจุบันมีผู้ใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลเฉพาะกว่า *55 ล้านราย* พร้อมรายงานว่าช่วยประหยัดค่าแก๊สให้ผู้ใช้งานไปแล้วกว่า *1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4 แสนล้านบาท)*
ความคิดเห็น 0