บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะ 104,000 ดอลลาร์ในรอบเดือน นักลงทุนแห่สะสม สัญญาณ FOMO เริ่มคุกรุ่น

บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะระดับ *104,000 ดอลลาร์* ส่งกระแสคาดหวังราคาสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์กลับมาอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ประมาณ *103,000 ดอลลาร์* เพิ่มขึ้นถึง *33%* ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน

ข้อมูลจากหลาย *เว็บเทรดชั้นนำ* ชี้ว่าปริมาณการถอนบิตคอยน์ออกจากระบบยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ในสัปดาห์ล่าสุดนี้พบว่าเป็นไปในทิศทาง ‘ติดลบ’ ซึ่งอาจสะท้อนว่า *นักลงทุน* เริ่มย้ายสินทรัพย์ออกไปเก็บเองมากขึ้น สื่อถึงแรงขายที่เริ่มลดลง *ความคิดเห็น* จากนักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่าสัญญาณนี้อาจบ่งชี้ว่าตลาดกำลังเข้าสู่ระยะสะสมอีกครั้ง

ด้านความสนใจของผู้บริโภคก็ไม่แพ้กัน *Google Trends* ระบุว่าการค้นหาคำว่า ‘บิตคอยน์’ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยซึ่งเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดมากขึ้น

รายงานจาก *CryptoPotato* เผยว่าภายในวันเดียวมีการสร้าง *กระเป๋าบิตคอยน์ใหม่กว่า 350,000 ใบ* บนเครือข่าย บ่งบอกถึงภาวะ FOMO หรือ ‘กลัวตกรถ’ ที่กำลังก่อตัวในหมู่นักลงทุน แม้จำนวนผู้ใช้งานรายย่อยในปัจจุบันยังไม่เทียบเท่าช่วงพีคของตลาดกระทิงในอดีต

สถานการณ์ยังกระตุ้นด้วยความคืบหน้าในเวทีเศรษฐกิจโลก โดยการประชุมระดับสูงระหว่าง *สหรัฐฯ และจีน* ซึ่งจะจัดขึ้นภายในสัปดาห์นี้มีการพูดคุยเพื่อผ่อนคลายข้อพิพาททางการค้า ทรัมป์ได้แสดงท่าทีว่าจะพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลง การคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ของโลกนี้ อาจช่วยลดความไม่แน่นอนและสร้างบรรยากาศบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงคริปโต

นอกจากนี้ ดัชนี *ความกลัวและความโลภ (Fear and Greed Index)* ล่าสุดอยู่ที่ระดับ *73* ซึ่งเข้าข่าย ‘โลภ’ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ขณะที่ *วอร์เรน บัฟเฟตต์* เคยกล่าวว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว” สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการระมัดระวังในช่วงที่ตลาดกำลังคึกคัก

ขณะเดียวกัน *ดัชนี RSI* หรือค่าดัชนีความแข็งแรงสัมพัทธ์ของบิตคอยน์แตะระดับ *75* ซึ่งเกินช่วง 70 ไปแล้ว ถือเป็นสัญญาณ ‘Overbought’ หรือ ‘ซื้อมากเกินไป’ ตามหลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค สะท้อนโอกาสที่จะมี *การพักฐานหรือปรับฐานระยะสั้น* เกิดขึ้นในอนาคต