อเล็กซ์ มาชินสกี อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) ของ เซลเซียส เน็ตเวิร์ก(Celsius Network) ถูกศาลในรัฐนิวยอร์กสั่งจำคุก 12 ปี จากข้อหาฉ้อโกงนักลงทุน หลังยอมรับว่าได้มีการปั่นราคาของโทเคนประจำแพลตฟอร์ม CEL และปกปิดการขายสินทรัพย์ของตนเองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
เมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา ศาลแขวงเขตทางใต้ของนิวยอร์กได้มีคำพิพากษาต่อมาชินสกี โดยพบว่าเขามีความผิดจริงจากการแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและการดำเนินกิจการของบริษัท เพื่อหลอกลวงผู้ลงทุนรายย่อยให้ฝากเงินไว้บนแพลตฟอร์มภายใต้ข้ออ้างเรื่อง ‘ความปลอดภัยที่เหนือกว่าธนาคาร’
เจย์ เคลย์ตัน อัยการรัฐบาลกลางกล่าวว่า “มาชินสกีโน้มน้าวให้นักลงทุนทั่วไปเชื่อว่าทรัพย์สินดิจิทัลของพวกเขาจะปลอดภัยยิ่งกว่าฝากไว้กับธนาคาร แต่ในความเป็นจริง เขานำสินทรัพย์เหล่านั้นไปใช้ในความเสี่ยงสูงและแสวงหากำไรส่วนตัว” *ความคิดเห็น*
ในชั้นศาล มาชินสกีรับสารภาพว่าได้ปั่นราคาโทเคน CEL ของบริษัท จนสามารถขายสินทรัพย์ออกได้มูลค่ากว่า 48 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทางอัยการระบุว่าเขาได้กำไรอย่างไม่เป็นธรรมมูลค่ากว่า 682 พันล้านวอน หรือประมาณ 48 ล้านดอลลาร์
แม้อัยการได้ขอให้ศาลตัดสินลงโทษจำคุก 20 ปี โดยอ้างว่า ‘มาชินสกีไม่แสดงความรับผิดชอบและไม่มีท่าทีสำนึกผิด’ แต่สุดท้ายภายใต้ข้อตกลงยอมรับผิด เขายอมสละสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์เพื่อแลกกับการลดโทษลงมาที่ 12 ปี โดยยังอยู่ในช่วงกรอบของบทลงโทษสูงสุด 30 ปี
ปัญหาทางกฎหมายของมาชินสกีเริ่มต้นในปี 2023 เมื่อเขาถูกจับกุมด้วยข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์ ฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์ และฉ้อโกงทางโทรคมนาคม โดยในปีเดียวกัน เซลเซียสตกลงจ่ายเงินค่าปรับให้กับคณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐมูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับการอนุญาตให้คืนทรัพย์สินของลูกค้า
ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน รอนนี โคเฮน-พาวอน อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้(CRO) ก็ได้ยอมรับผิดในข้อกล่าวหาเดียวกัน และให้ความร่วมมือกับการสอบสวน ซึ่งกลายเป็นหลักฐานสำคัญของคดีที่หน่วยงานกำกับดูแลอย่าง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์(SEC) และ คณะกรรมการกำกับธุรกรรมสินค้าโภคภัณฑ์(CFTC) ดำเนินคดีต่อมาชินสกี และเซลเซียสในกรณีฉ้อโกงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
ความคิดเห็น 0