คริปโตพลิกโฉมธุรกิจเช่ารถแบบ P2P ด้วยบล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะ

สกุลเงินดิจิทัลกำลังเข้ามามีบทบาทในบริการ ‘รถเช่าแบบ P2P’ ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ที่ช่วยให้เจ้าของรถและผู้เช่าสามารถติดต่อกันโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง เทคโนโลยีบล็อกเชนถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มทั้ง ‘ความปลอดภัย’ และ ‘ความโปร่งใส’ ในขณะที่ ‘สัญญาอัจฉริยะ’ ช่วยทำให้กระบวนการเช่าเป็นไปโดยอัตโนมัติ

บริการรถเช่าแบบ P2P ช่วยลดความยุ่งยากจากระบบเช่ารถแบบเดิมที่ต้องผ่านบริษัทเช่ารถ ซึ่งมักมีขั้นตอนซับซ้อนและค่าธรรมเนียมสูง การใช้บล็อกเชนทำให้ข้อมูลการเช่าถูกบันทึกลงในเครือข่ายแบบ ‘ไร้ศูนย์กลาง’ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขหรือปลอมแปลงได้ นอกจากนี้ ‘สัญญาอัจฉริยะ’ ยังช่วยให้เงื่อนไขการเช่าถูกดำเนินการอัตโนมัติ ลดข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่า

‘การชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล’ ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนโมเดลนี้ไปข้างหน้า ต่างจากการใช้บัตรเครดิตหรือวิธีโอนเงินผ่านธนาคาร การใช้สกุลเงินดิจิทัลช่วยลดค่าธรรมเนียม แถมยังสามารถทำธุรกรรมข้ามพรมแดนได้ง่ายขึ้น ซึ่งดึงดูดผู้ใช้ที่ถือสินทรัพย์ดิจิทัลให้สามารถใช้เหรียญของพวกเขาเพื่อชำระค่าบริการเช่าได้โดยตรง

ปัจจุบันมี ‘แพลตฟอร์มรถเช่าแบบ P2P’ บางแห่งที่เริ่มรองรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลแล้ว ตัวอย่างเช่น MPH คลับ ซึ่งเป็นบริการเช่ารถหรูในไมอามีที่เปิดให้ลูกค้าสามารถชำระเงินด้วยบิตคอยน์(BTC) สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ อาจเริ่มพิจารณาใช้สกุลเงินดิจิทัลในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การใช้คริปโตในการเช่ารถยังคงมี ‘ความท้าทาย’ ที่ต้องแก้ไข หนึ่งในประเด็นหลักคือ ‘กฎระเบียบ’ ซึ่งกำหนดให้แพลตฟอร์มต้องมีระบบยืนยันตัวตน(KYC) และกระบวนการแก้ไขข้อพิพาทผ่านสัญญาอัจฉริยะ อีกปัญหาที่สำคัญคือ ‘ความผันผวนของราคาเหรียญ’ ซึ่งอาจทำให้เกิดต้นทุนเพิ่มเติมหากมูลค่าของคริปโตเปลี่ยนแปลงหลังจากทำธุรกรรม

แม้ว่าจะยังมีอุปสรรค แต่อุตสาหกรรมเช่ารถแบบ P2P ที่รวมเอา ‘บล็อกเชน’ และ ‘สกุลเงินดิจิทัล’ กำลังกลายเป็นแนวทางใหม่ที่ช่วยลดต้นทุนจากตัวกลางและเพิ่มความน่าเชื่อถือของการทำธุรกรรม ในอนาคตอาจมีแพลตฟอร์มอีกมากที่หันมาใช้โมเดลนี้เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจเช่ารถ