ศาลฎีกาอินเดียจวกนโยบายคริปโต: เก็บภาษี 30% แต่ไร้กฎคุมชัดเจน

ศาลฎีกาอินเดียออกมาวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลกลางที่มีความขัดแย้งกันระหว่างการเก็บภาษีคริปโตกับการขาดแคลนกฎระเบียบควบคุมที่ชัดเจน โดยศาลได้เปรียบเทียบการซื้อขายบิตคอยน์(BTC)ที่ผิดกฎหมายกับธุรกิจ ‘ฮาวาลา’ ซึ่งเป็นช่องทางส่งเงินผิดกฎหมาย พร้อมเตือนถึงภัยจากการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในทางที่ผิด และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ผู้พิพากษาซูรียะกันต์ กล่าวเน้นว่า "หากรัฐสามารถจัดเก็บภาษีในอัตรา 30% ได้ ก็หมายความว่ารัฐได้ยอมรับการมีอยู่ของคริปโต นั่นแปลว่าควรมีกฎระเบียบดูแลอย่างเหมาะสมด้วย" โดยความเห็นนี้เกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาคดีของชายชื่อไชร์เลช บาบูลาล บัต ผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงคริปโตและเงินสดมูลค่ามหาศาล

ขณะเดียวกัน ศาลฎีกายังได้ปฏิเสธคำร้องของเหยื่อที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แฮ็กแพลตฟอร์มวาจิเร็กซ์ ว่ามีมูลค่ากว่า 2,000 โคร (ราว 34,000 ล้านบาท) โดยระบุว่าในเมื่อกฎหมายควบคุมคริปโทยังไม่มีความชัดเจน จึงแนะนำให้ผู้เสียหายติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างธนาคารกลางอินเดีย(RBI), คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์(SEBI) และสำนักงานสอบสวนกลาง(CBI)

ความล่าช้าและความคลุมเครือในกฎเกณฑ์คริปโตของอินเดีย ทำให้กลุ่มผู้มั่งคั่งระดับสูงสุดของประเทศเริ่มเบนเข็มการลงทุนจากทองคำและคริปโตไปสู่ทรัพย์สินในรูปแบบอสังหาริมทรัพย์แทน จากข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์หรู ‘ไอช์วาริยา ศรี กาปูร์’ พบว่า กลุ่มคนอินเดียระดับ 0.001% ได้จัดพอร์ตโฟลิโอมูลค่า 75–500 โคร (ราว 1,280–8,500 ล้านบาท) โดยมุ่งเน้นการลงทุนในที่ดิน, คฤหาสน์หรู, อาคารพาณิชย์ให้เช่า, เพนท์เฮาส์ และทรัพย์สินวัฒนธรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

*ความคิดเห็น*: การเลือกลงทุนเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนเพียงแค่แรงจูงใจในผลตอบแทน แต่ยังรวมถึงการปกป้องทุน ความปลอดภัยด้านสภาพคล่อง และการเข้าถึงตลาดซื้อขายสินทรัพย์ชั้นดีที่มีข้อจำกัดอีกด้วย