สเตเบิลคอยน์(Steblecoin) กำลังกลายเป็นรากฐานของระบบการเงินแบบ *คู่ขนาน* ในประเทศเวียดนาม จากรายงานล่าสุดของไทเกอร์รีเสิร์ช (Tiger Research) ชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้งานรายย่อยในเวียดนามกำลังสร้างระบบการเงินของตนเองนอกกรอบกฎหมาย ด้วยการใช้สเตเบิลคอยน์เป็นเครื่องมือหลักสำหรับการทำธุรกรรม ส่งเงิน และเก็บรักษาทรัพย์สิน ภายใต้ข้อจำกัดของระบบกฎหมายที่ยังไม่สมบูรณ์ รายงานยังระบุว่ารูปแบบนี้กำลังพัฒนาไปสู่การเป็น ‘เงาแห่งระบบการเงิน’ ที่ขับเคลื่อนไปอย่างเงียบๆ แม้ขาดการกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ
แม้เวียดนามจะติดอันดับต้นๆ ของโลกในด้านการยอมรับสกุลเงินดิจิทัล แต่ยังขาดกรอบนโยบายที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การใช้คริปโตฯ โดยเฉพาะ *สเตเบิลคอยน์* กลับขยายตัวในกลุ่มผู้ใช้งานรายย่อยอย่างรวดเร็ว โดยผู้ใช้งานจำนวนมากนำสเตเบิลคอยน์ไปใช้ในชีวิตประจำวันผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การซื้อขาย P2P บนไบแนนซ์, การซื้อขาย OTC ผ่านกลุ่มบนเทเลแกรม และการโอนเงินผ่านกระเป๋าคริปโตแบบควบคุมด้วยตนเอง
ไทเกอร์รีเสิร์ชเผยว่า การใช้งานสเตเบิลคอยน์ในเวียดนามไม่ใช่แค่เพื่อการแลกเปลี่ยนเงินเท่านั้น แต่พัฒนาไปสู่การนำมาใช้เป็นเครื่องมือตั้งรับความผันผวนของค่าเงิน เห็นได้จากราคาซื้อขายของ USDT ที่มักสูงกว่าตลาด VND/USD โดยเฉลี่ยในปี 2024 มี ‘พรีเมียม’ สูงถึง 3.35% ซึ่งสะท้อนว่าผู้คนมองว่า USDT เป็น *สินทรัพย์ปลอดภัยเชิงดิจิทัล*
บทบาทของสเตเบิลคอยน์ในด้านการโอนเงินระหว่างประเทศก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยปัจจุบันเวียดนามมีมูลค่าส่งเงินกลับประเทศจากต่างชาติผ่านสเตเบิลคอยน์คิดเป็น 7.8% ของทั้งหมด เป็นตัวเลือกที่ถูกและเร็วกว่าเทคโนโลยีดั้งเดิมอย่าง SWIFT หรือเวสเทิร์นยูเนียน ไทเกอร์รีเสิร์ชอธิบายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับการยกระบบเงินสดผิดกฎหมายมาสู่โลกดิจิทัล
นอกจากการใช้งานเพื่อโอนเงินและทำธุรกรรม ผู้ใช้งานในเวียดนามยังเริ่มนำสเตเบิลคอยน์มาใช้เป็นเครื่องมือ *เก็บรักษามูลค่า* แทนที่ทองคำหรือเงินดอลลาร์ตามแบบดั้งเดิม ท่ามกลางการกำกับดูแลที่เข้มงวดของรัฐบาล ผู้คนจึงหันมาใช้สเตเบิลคอยน์เพื่อเก็บมูลค่าทรัพย์สินมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงระดับความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อ *ดอลลาร์ดิจิทัล* ที่เริ่มเป็นรูปธรรม
แม้การใช้งานจะขยายตัวรวดเร็ว แต่ภาครัฐเวียดนามกลับยังไม่มีมาตรการรองรับที่ชัดเจนหรือทันสมัย รายงานเสนอให้ดูแบบอย่างจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ที่กำหนดให้มีทุนสำรองเต็ม 1:1, ไทยที่กำลังทดลองบาร์ทดิจิทัลภายใต้พันธบัตรรัฐบาล และฟิลิปปินส์ที่กำลังทดสอบการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในเวียดนาม
ไทเกอร์รีเสิร์ชชี้ว่า แนวทางที่เหมาะสมสำหรับเวียดนามคือการวางนโยบายแบบ *จากล่างขึ้นบน* โดยยอมรับพฤติกรรมของผู้ใช้ที่มีอยู่แล้ว และปรับใช้กฎเกณฑ์ให้สอดคล้อง เช่น การรับรองตัวตนของผู้ซื้อขาย OTC, การกำกับดูแลธุรกรรม P2P ด้วยระบบ KYC และการเปิดใช้แซนด์บ็อกซ์เฉพาะด้าน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับเสถียรภาพ
โดยสรุป รายงานระบุว่า ประเทศเวียดนามไม่ควรมองระบบการเงินจากสเตเบิลคอยน์เป็นเพียงกิจกรรมผิดกฎหมาย แต่ควรพิจารณาว่าเป็น *ทางเลือกหนึ่งของระบบการเงิน* ที่สามารถยกระดับเป็นโครงสร้างที่เป็นทางการได้ การกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนแทนที่จะห้ามโดยสิ้นเชิง จะทำให้เวียดนามก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต ความคิดเห็น: หากรัฐบาลเวียดนามสามารถวางกรอบกฎหมายที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้าง อาจกลายเป็นแบบอย่างใหม่ที่หลายประเทศในโลกกำลังมองหา
ความคิดเห็น 0