Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะ 106,962 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์คาดอาจทะลุ 600,000 ดอลลาร์ภายในตุลาคม

บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะ 106,962 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์คาดอาจทะลุ 600,000 ดอลลาร์ภายในตุลาคม / Tokenpost

บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุแนวต้านสำคัญที่ 105,000 ดอลลาร์ สร้างกระแสคาดการณ์ถึงการทำ ‘จุดสูงสุดใหม่’ หลังจากตลาดคริปโตโดยรวมมีมูลค่าตลาดใกล้แตะระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยปัจจัยเร่งแนวโน้มบวกรอบนี้มาจากการประชุมเฟดในเดือนมิถุนายน ไปจนถึงนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนกรกฎาคมที่อาจช่วยหนุนโมเมนตัมการปรับตัวขึ้นของราคาคริปโต

จากการวิเคราะห์ของเฟรด ครูเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญจากวอลล์สตรีท คาดว่าภายใน 90 วันข้างหน้า บิตคอยน์มีโอกาสวิ่งแรง โดยเขาชี้เป้าไปยังการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งคาดว่าจะไม่มีแรงซื้อเพียงพอ ทำให้เฟดอาจต้องออกมาตรการฉุกเฉิน นำไปสู่การดีดตัวของ BTC สู่ระดับ 158,000-165,000 ดอลลาร์ในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง

อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญคือวันที่ 25 กรกฎาคม กลุ่มประเทศ BRICS คาดว่าจะเปิดตัวระบบชำระเงินระหว่างประเทศใหม่ที่อิงกับทองคำและบิตคอยน์ ซึ่งมีเป้าหมายลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ แม้ประธานเฟดจะยังเน้นย้ำถึง ‘ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่ง’ แต่ตลาดอาจไม่ให้ความเชื่อมั่นดั่งเช่นอดีต โดยครูเกอร์ยังมองว่าหาก BTC พุ่งทะลุ 180,000 ดอลลาร์ได้ จะมีโอกาสแตะระดับ 215,000 ดอลลาร์ภายในวันที่ 4 สิงหาคมหลังจากเฟดดำเนินนโยบายควบคุมเส้นอัตราส่วนผลตอบแทน (Yield Curve Control)

ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม เยอรมนีอาจปรับเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองสกุลเงินยูโรเป็น 10% ขณะเดียวกัน ประเทศอย่างเวเนซุเอลาและไนจีเรียก็กำลังวางแผนเปลี่ยนทุนสำรองเป็นบิตคอยน์ และเตรียมเปิดตัวสเตเบิลคอยน์ที่มี BTC ค้ำประกันโดยบริษัทเทเธอร์ การเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจผลักดันราคาบิตคอยน์ไปสู่ระดับ 265,000 ดอลลาร์

ในช่วงต้นเดือนกันยายน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มทะลุ 8.5% ซึ่งทำให้เฟดแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเข้าแทรกแซงตลาด ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่า เฟดอาจหันมาศึกษาการออกเงินดิจิทัลสกุลดอลลาร์ (ดิจิทัลดอลลาร์) ซึ่งอาจส่งผลให้ BTC พุ่งขึ้นไปแตะ 390,000 ดอลลาร์ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว

ในช่วงกลางเดือนกันยายน คาดว่าเทสลา(TSLA), แอปเปิล(AAPL) และกูเกิล(GOOGL) จะนำบิตคอยน์มาเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ถือครองในงบดุล ขณะเดียวกัน ประเทศในแถบละตินอเมริกาก็มีแนวโน้มเพิ่มการยอมรับ BTC จึงมีการคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้นแตะ 460,000 ดอลลาร์

ปลายเดือนกันยายน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) มีแนวโน้มเปิดตัวตะกร้าสินทรัพย์สำรองใหม่ โดยให้บิตคอยน์มีสัดส่วนถึง 50% ในกรณีนั้น ราคาอาจแตะ 525,000 ดอลลาร์ได้ ส่วนในช่วงต้นเดือนตุลาคม สหรัฐคาดว่าจะปรับโครงสร้างเงินสำรองโดยถือครองบิตคอยน์และทองคำอย่างละ 25% ของทุนสำรองทั้งหมด

เมื่อเฟดขยายสินทรัพย์ในงบดุลจนแตะระดับ 44 ล้านล้านดอลลาร์ อาจเร่งให้เกิดการออกสกุลเงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง(CBDC) ทั้งนี้คาดว่า BTC อาจพุ่งแตะ 600,000 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำอาจขึ้นไปถึง 10,400 ดอลลาร์

เอริก บัลคูนา นักวิเคราะห์จาก Bloomberg เปิดเผยว่า นักลงทุนเริ่มเทขายทองคำและเงินสด เพื่อนำไปลงทุนใน ‘สินทรัพย์เสี่ยง’ อย่างบิตคอยน์แทน เนื่องจากความกลัวในตลาดเริ่มลดลง และความคาดหวังต่อภาวะตลาดกระทิงกลับมาอีกครั้ง

ขณะที่นักวิเคราะห์ชื่อดัง อาลี มาร์ติเนซ ตั้งข้อสังเกตว่าบิตคอยน์ยังคงไม่แสดงสัญญาณการทะลุแนวต้านสำคัญอย่างสมบูรณ์ โดยยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายในรูปแบบ ‘สามเหลี่ยมขาขึ้น’ บนกราฟระยะสั้น ปัจจุบัน BTC ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 106,962 ดอลลาร์

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1