เจย์เพลย์ แลปส์(Jayplay Labs) ได้เปิดเผยรายงานที่ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตและศักยภาพด้านเทคนิคของ *ทรีเฮาส์(Treehouse)* หนึ่งในโครงการที่กำลังได้รับความสนใจในวงการการเงินแบบกระจายอำนาจ หรือ *ดีไฟ(DeFi)* โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การผลักดันโมเดล *รายได้คงที่ (Fixed Income)* ซึ่งถือเป็นการนำระบบอัตราดอกเบี้ยจากโลกการเงินดั้งเดิมมาไว้ในบล็อกเชน ผ่านนวัตกรรมสำคัญอย่าง DOR (Decentralized Offered Rate) และ tAssets โทเคนแบบรวมที่ใช้ควบคู่กับอัตราดอกเบี้ย การพัฒนาเหล่านี้ช่วยขับเคลื่อนดีไฟเข้าสู่รูปแบบรายได้คงที่ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในระยะหลัง
ข้อมูลจากรายงานระบุว่า ทรีเฮาส์กำลังดำเนินงานผลิตภัณฑ์ชื่อ cmETH Vault บนเครือข่าย แมนเทิล(Mantle) ซึ่งผู้ใช้สามารถฝากเหรียญ cmETH เพื่อรับรางวัลในรูปแบบโทเคนภายในระบบอย่าง ‘Nuts’ รวมทั้งแต้มจาก Eigen, Karak และ Veda ด้วยพร้อมกัน ถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงแนวทางการใช้ประโยชน์จากยูทิลิตี้ในระบบบล็อกเชนแบบเลเยอร์ 2 อย่างมีประสิทธิภาพ *ความคิดเห็น: กลยุทธ์รางวัลแบบหลายมิตินี้ช่วยกระตุ้นความสนใจและเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมของผู้ใช้อย่างมีนัยสำคัญ*
หนึ่งในเทคโนโลยีหลักของทรีเฮาส์คือระบบ DOR ซึ่งอ้างอิงข้อมูลออนเชนเพื่อสร้างอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานที่โปร่งใสและไม่สามารถปรับแก้ไขได้ โดยระบบนี้ทำงานคล้ายกับ LIBOR หรือ SOFR แต่เพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อถือได้ของบล็อกเชนเข้ามาเสริม ทั้งนี้ ยังมีบทบาทของพาเนลลิสต์และเดเลเกเตอร์ ที่เข้ามาช่วยยืนยันความถูกต้องของอัตราดอกเบี้ย และมีกลไก ‘สแลชชิง’ ลงโทษในกรณีที่เกิดการคาดการณ์ผิดพลาดอีกด้วย
ในส่วนของ tAssets จะเป็นการรวมโทเคน LST ร่วมกับอัตราดอกเบี้ย เช่น เหรียญ tETH ที่ทำงานบนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) จุดเด่นของสินทรัพย์ลักษณะนี้ คือ การนำเสนอผลตอบแทนจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย รวมกับการสเตกกิ้ง เพื่อไปสู่เป้าหมายที่เรียกว่า 'MEY' หรือ *ดอกเบี้ยตามประสิทธิภาพของตลาด* ซึ่งถือเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการทั้งผลตอบแทนที่มั่นคงและการรักษาสภาพคล่องในตลาดดีไฟ
เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ทรีเฮาส์ยังสามารถระดมทุนได้สำเร็จในรอบกลยุทธ์ (Strategic Round) ด้วยมูลค่ากิจการกว่า 400 ล้านดอลลาร์ โดยมีทั้งสถาบันการเงินดั้งเดิมและผู้ก่อตั้งจากโปรเจกต์คริปโตอย่าง เซลลินี(Selini), อีเธนา(Ethena), และ แพกซอส(Paxos) ร่วมลงทุนด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระบบของทรีเฮาส์จากทั้งฝั่งวาณิชธนกิจและแวดวงคริปโต
ในแง่การใช้งาน ทรีเฮาส์เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถฝาก ETH, stETH และ wstETH บนเครือข่ายอีเธอเรียมและอาร์บิทรัมเพื่อล็อกและแลกเป็น tETH ซึ่งสามารถสะสม Nuts และรับผลตอบแทนรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบคงที่และแบบ MEY โดยในบางโปรโตคอล ยังสามารถนำโทเคนเหล่านี้ไปค้ำประกันหรือเข้าร่วมผลิตภัณฑ์สินทรัพย์เพื่อให้ได้อัตราผลตอบแทนต่อปี (APR) สูงถึง 30% *ความคิดเห็น: นี่ถือเป็นการต่อยอดใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลจากเดิมที่เน้นเพียงการถือครอง ไปสู่ระบบแลกเปลี่ยนเชิงโครงสร้างทางการเงินที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น*
ทรีเฮาส์ยังให้ความสำคัญกับชุมชนผู้ใช้งาน โดยมอบ NFT ที่ชื่อว่า ‘Squirrel Council’ เพื่อมอบสิทธิพิเศษ เช่น เพิ่มรางวัล Nuts, สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหรือกิจกรรมของโปรเจกต์ก่อนใคร และการเพิ่มพลังให้กับ NFT ในระบบ ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นความภักดีและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ระดับแกนนำ
โดยสรุป ทรีเฮาส์กำลังสร้างระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ในดีไฟ ด้วยการผสานโมเดล *รายได้คงที่* เข้ากับโครงสร้างรางวัลแบบซ้อนหลายเลเยอร์ ซึ่งมอบทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่หลากหลายให้กับนักลงทุนทุกระดับความเสี่ยง *ความคิดเห็น: ทรีเฮาส์กำลังแปรสภาพตัวเองเป็นหนึ่งใน “เลโก้ทางการเงิน” ที่สามารถเชื่อมโยงได้กับระบบดีไฟอื่นๆ อย่างยืดหยุ่น* เจย์เพลย์ แลปส์มองว่า ด้วยศักยภาพเช่นนี้ ทรีเฮาส์อาจกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจใหม่ของดีไฟในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0