บิตคอยน์(BTC)พุ่งขึ้น 3.5% แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 111,880 ดอลลาร์ ทำให้มูลค่าตลาดรวมแตะเกือบ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้าอเมซอน ส่งแรงกระเพื่อมไปยังตลาดทั้งภาคคริปโตและการลงทุนทั่วโลก อดีตซีอีโอของไบแนนซ์, ฉางเผิง จ้าว ได้แสดงความเห็นอย่างรวดเร็วต่อเหตุการณ์นี้ โดยเน้นให้มองเห็นภาพระยะยาวมากกว่าความผันผวนระยะสั้น พร้อมระบุว่าผู้ขายบิตคอยน์ที่ระดับ 77,000 ดอลลาร์ได้พลาดโอกาสทำกำไรครั้งใหญ่
ด้านนักลงทุน ฟร็ด ครูเกอร์ คาดว่าการที่บิตคอยน์ทะลุแนวต้าน 110,000 ดอลลาร์ อาจทำให้ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องถึง 150,000 ดอลลาร์โดยไม่มีแรงต้านอีกระลอกใหญ่ ขณะที่กองทุน ETF บิตคอยน์รายงานเม็ดเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยตามข้อมูลของบริษัทโซโซแวลู(Based on SoSoValue) มีเงินใหม่ไหลเข้าสูงถึง 608.99 ล้านดอลลาร์ ทำให้สินทรัพย์รวมของกองทุนทะยานแตะ 129.02 พันล้านดอลลาร์
กระแสความสนใจในตลาดไม่ได้จำกัดเพียงแค่นักลงทุนรายย่อยหรือผู้จัดการกองทุนคริปโต แต่ยังรวมถึงบริษัทมหาชนที่เริ่มมองบิตคอยน์เป็นทรัพย์สินสำรองในงบดุล ในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว กองทุน ETF ของบิตคอยน์มียอดเงินสุทธิไหลเข้าสูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนความเชื่อมั่นในระยะยาวจากนักลงทุนสถาบัน
ปริมาณเหรียญที่เข้าสู่ตลาดซื้อขายลดลงไปกว่า 82% ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ขณะที่เงินทุนสำรองด้วยเหรียญ USDT สูงถึง 46.9 พันล้านดอลลาร์ ระบุถึงสภาพคล่องที่ยังแข็งแกร่ง ความเคลื่อนไหวของเจพีมอร์แกน(JP Morgan)ในการเปิดให้ลูกค้าเข้าถึงบิตคอยน์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจผลักดันให้สถาบันการเงินรายใหญ่รายอื่นหันมาเปิดรับคริปโตมากขึ้น
นักวิเคราะห์จาก QCP มองว่าหากราคายังทะยานต่อเนื่อง มีโอกาสเกิด ‘ปรากฏการณ์ฝันหวานตกขบวน’ (FOMO) อีกรอบจากนักลงทุนรายย่อย ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาพุ่งเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ ไรอัน ลี(Ryan Lee) จากบิทเก็ต มองว่า อัตราการไหลเข้า ETF ที่ยังคงแข็งแกร่ง ร่วมกับการลดลงของอุปทานหลังเหตุการณ์ ‘ฮาล์ฟวิ่ง’ และความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากสถาบัน อาจผลักดันราคาบิตคอยน์ให้ไปถึง 180,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
เขายังเพิ่มเติมด้วยว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ โดยมูดี้ส์ เป็นปัจจัยกระตุ้นหนึ่งที่ทำให้คริปโตอย่าง ‘บิตคอยน์’ และ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ มีความน่าสนใจมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากระบบการเงินแบบเดิม
อีกด้านหนึ่ง เบนจามิน โคเวน(Benjamin Cowen) ผู้เชี่ยวชาญของตลาด วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันเกิดสัญญาณ ‘Golden Cross’ เมื่อค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ตัดขึ้นเหนือค่าเฉลี่ย 200 วัน ซึ่งมักบ่งบอกถึงแนวโน้มเป็นขาขึ้นอย่างมั่นคง โดยตั้งเป้าราคาไว้ที่ 113,000 ดอลลาร์
ขณะที่ อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) ระบุว่าบิตคอยน์เข้าสู่ ‘โหมดค้นหาราคา’ (Price Discovery Mode) หลังทำสถิติสูงสุดใหม่ พร้อมชี้แนวต้านสำคัญถัดไปอยู่ที่ 116,000 ดอลลาร์, 126,000 ดอลลาร์, 136,000 ดอลลาร์ และ 148,000 ดอลลาร์ตามลำดับ
*ความคิดเห็น: ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน บิตคอยน์กลับยิ่งตอกย้ำบทบาทของมันในฐานะ ‘ทองคำดิจิทัล’ ที่นักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันต่างจับตามองเป็นสินทรัพย์ทางเลือกและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและภาคการเงินแบบดั้งเดิม*
ความคิดเห็น 0